วันที่เอกสารถูกสร้าง: 
11/01/2008
ที่มา: 
เว็บไซต์โรงเรียนศิลปะมวยไทย สุราษฎร์ธานี - วิกิพีเดีย ภาพประกอบจากวิกิพีเดียและทางอินเทอร์เน็ต K-1 Boxing

ภาพ:Thai_muay.jpg

 ความหมายของคำว่า "มวย"
        อาจมีที่มาจากลักษณะการ ม้วนเชือกหรือผ้า เพื่อใช้หุ้มฝ่ามือและท่อนแขน เพื่อใช้ป้องกันอันตรายขณะต่อสู้ หรืออาจเพิ่มอันตรายในการ ชก กระแทกฟาดโดยการผสม กับ กาวแป้ง และ ผงทราย คล้ายลักษณะของ มวยผม ของ ผู้หญิงที่นิยมไว้ผมยาว(เกล้ามวย)ได้แก่ หญิงไทย/ลาวโซ่ง/หญิงล้านนาในสมัยโบราณ หรือนักมวยจีน(มุ่นผม)ซึ่งนิยม ถักเป็นเปีย แล้วม้วนพันรอบคอ ของตนซึ่งสามารถใช้ในการต่อสู้ในบางครั้ง หรือ มาจากคำภาษาบาลี ว่า " มัลละ" หมายถึง การปล้ำรัด มวยปล้ำของชาวอินเดีย

 

ภาพ:Poster_thai_boxing.jpg


        มีการต่อสู้ในลักษณะเดียวกับ มวย ของ ชาวไทย มุสลิมในท้องถิ่นทาง ภาคใต้ ตลอดจนแหลม มลายู เรียกว่า ซีละ หรือ ปัญจสีลัต มีผู้บัญญัติศัพท์ว่า มวยไทยพหุยุทธ์ โดยเปรียบว่า เป็นการต่อสู่แบบรวมเอาศิลปะการต่อสู้(Martial Art)ทุกแขนง โดยใช้อวัยวะทุกส่วนร่วมด้วยได้แก่ ...การใช้ ศีรษะ คาง เพื่อชน กระแทก โขก ยี ...ใช้ ท่อนแขน ฝ่ามือ และกำปั้น จับ ล็อก บล็อก บัง เหวี่ยง ฟัด ฟาด ปิด ปัด ป้อง ฟาด ผลัก ยัน ดัน ทุบ ชก ไล่แขน ศอก เฉือน ถอง กระทุ้ง พุ่ง เสย งัด ทั้งทำลายจังหวะเมื่อเสียเปรียบและหาโอกาศเข้ากระทำเมื่อได้เปรียบ ...ส่วนขา แข้ง เข่า ฝ่าเท้า ส้นเท้า ปลายเท้า ใช้ในการบัง ถีบ เตะ แตะ เกี่ยว ตวัด ฉัด ช้อน ปัด กวาด ฟาด กระแทก ทำให้บอบช้ำและเสียหลักและใช้ลำตัวในการการทุ่มทับจับหัก (มีคณะนักมวยดังในอดีตคือ ค่าย ส.ยกฟัด ใช้มาก)การประกอบรวมแม่แบบชุดต่อสู้รวมเรียกว่า แม่ไม้ และลูกไม้ ตามเชิงมวย หรือกลมวย

 


[แก้ไข] ประวัติศาสตร์ของมวยไทย
        ประวัติศาสตร์อันยาวนานของมวยไทยเริ่มมีและใช้กันในการสงครามในสมัยก่อน ในปัจจุบันมีการดัดแปลงมวยไทยมาใช้ในกองทัพโดยเรียกว่า เลิศฤทธิ์ ซึ่งแตกต่างจากมวยไทยในปัจจุบันที่ใช้เป็นการกีฬา โดยมีการใช้นวมขึ้นเพื่อป้องกันการอันตรายที่เกิดขึ้น มวยไทยยังคงได้ชื่อว่า ศาสตร์การโจมตีทั้งแปด ซึ่งรวม สองมือ สองเท้า สองศอก และสองเข่า (บางตำราอาจเป็น นวอาวุธ ซึ่งรวมการใช้ศีรษะโจมตี หรือ ทศอาวุธ ซึ่งรวมการใช้บั้นท้ายกระแทกโจมตีด้วย)

ภาพ:200970.jpg

        การฝึกซ้อมมวยไทยในสมัยก่อนมวยไทยสืบทอดมาจากมวยโบราณ ซึ่งแบ่งออกเป็นแต่ละสายตามท้องที่นั้น ๆ โดยมีสายสำคัญหลัก ๆ เช่น มวยท่าเสา(ภาคเหนือ) มวยโคราช (ภาคอีสาน) มวยไชยา (ภาคใต้) มวยลพบุรีและมวยพระนคร (ภาคกลาง) มีคำกล่าวไว้ว่า "หมัดหนักโคราช ฉลาดลพบุรี ท่าดีไชยา ไวกว่าท่าเสา"

 


[แก้ไข] การศึกษาศิลปะมวยไทย
        ในสมัยโบราณจะมี สำนักเรียน (สำนักเรียนมวย แตกต่างจาก ค่ายมวย คือ สำนักเรียนจะมีเจ้าสำนัก หรือ ครูมวย ซึ่งมีฝีมือและชื่อเสียงเป็นที่เคารพรู้จัก มีความประสงค์ที่จะถ่ายทอดวิชาไม่ให้สูญหาย โดยมุ่งเน้นถ่ายทอดให้เฉพาะศิษย์ที่มีความเหมาะสม ส่วน ค่ายมวย เป็นที่รวมของผู้ที่ชื่นชอบในการชกมวย มีจุดประสงค์ที่จะแลกเปลี่ยนวิชาความรู้เพื่อนำไปใช้ในการแข่งขัน/ประลอง) แตกต่างกันโดยแยกเป็น สำนักหลวง และ สำนักราษฎร์ บ้างก็ฝึกเรียนร่วมกับเพลงดาบและมีดหรือการต่อสู้อื่นๆ เพื่อใช้ในการต่อสู้ป้องกันตัวและใช้ในการสงคราม มีทั้งพระมหากษัติย์และขุนนางแม่ทัพนายกองและชาวบ้านทั่วไป (ส่วนใหญ่เป็นชาย)และจะมีการแข่งขันต่อสู้/ประลองกันในงานวัดและงานเทศกาลโดยมีค่ายมวยและสำนักมวยต่างๆ ส่งนักมวยและครูมวยเข้าแข่งขันชิงรางวัล/เดิมพัน โดยยึดความเสมอภาค บางครั้งจึงมีตำนานพระมหากษัตริย์หรือขุนนางที่เชี่ยวชาญการต่อสู้ปลอมตนเข้าร่วมแข่งขันเพื่อทดสอบฝีมือที่เป็นที่ปรากฏได้แก่ พระเจ้าเสือ(ขุนหลวงสรศักดิ์) พระเจ้าตากสินมหาราช พระยาพิชัยดาบหัก ครูดอก แขวงเมืองวเศษไชยชาญ จนเมื่อไทยเสียกรุงแก่พม่า ปรากฏชื่อ นายขนมต้ม ครูมวยชาวอยุธยา ซึ่งถูกกวาดต้อนเป็นเชลยศึกได้ชกมวยกับชาวพม่า ชนะหลายครั้งเป็นที่ปรากฏถึงความเก่งกาจเหี้ยมหาญของวิชามวยไทย

ภาพ:Thai_boxing_225.jpg

 

        กีฬามวยไทยได้รับความนิยมมากในสมัยรัตนโกสินทร์ รัชกาลที่ 5 รัชกาลที่ 6 และรัชกาลที่ 7 มีการชกมวยถวายหน้าพระที่นั่งเป็นประจำที่วังสวนกุหลาบทั้งการต่อสูประลองระหว่างนักมวย/ครูมวยชาวไทยด้วยกันและการต่อสู้ระหว่างนักมวย/ครูมวยต่างชาติ ในยุคแรกการแข่งขันมวยไทยใช้การพันมือด้วยเชือก จนกระทั่งนายแพ เลี้ยงประเสริฐ นักมวยจากท่าเสา จ.อุตรดิตถ์ ต่อยนายเจียร์ นักมวยเขมร ถึงแก่ความตาย จึงเปลี่ยนมาสวมนวมแทน ต่อมาเริ่มมีการกำหนดกติกาในการชก และมีเวทีมาตรฐานขึ้นแห่งคือเวทีมวยลุมพินีและเวทีมวยราชดำเนินจัดแข่งขันมวยไทยมาจนปัจจุบัน

ครูมวยไทยที่มีชื่อเสียงยุคนี้ได้แก่

ครูสุนทร(กิมเส็ง)ทวีสิทธิ์ ค่ายทวีสิทธิ์์
ปรมาจารย์ตันกี้ ยนตรกิจ (เตี่ย) ค่ายยนตรกิจ
ครูเขตร ศรียาภัย
ครูมวยไทยที่มีชื่อเสียงในยุคปัจจุบัน ได้แก่
ครูแสวง ศิริไปล่ (ว.พลศึกษา)เสียชีวิตแล้ว
ครูบัว นิลอาชา (วัดอิ่ม)เสียชีวิตแล้ว
ครูสนอง รักวานิช (ค่ายเมืองสุรินทร์)เสียชีวิตแล้ว
ครูไฉน ผ่องสุภา (ค่ายศศิประภายิม)เสียชีวิตแล้ว
ครูทองหล่อ ยาและ์
ครูตุ้ยยอดธง เสนานันท์
ครูผจญ เมืองสนธิ์ ครูจรวย แก่นวงษ์คำ

ครูปราโมทย์ หอยมุกข์ (ค่ายหนองกี่พาหุยุทธ์)
ครูเลาะห์ มะลิพันธ์ (ค่ายศิษย์ขุน)
ครูโพธิ์สวัสดิ์ แสงสว่าง
ครูหมู ผุดผาดน้อย วรวุฒิ
ครูวิชิต ไพรอนันต์(ฉลามขาว)
ครูเป็ด สุรัตน์ เสียงหล่อ (ค่ายเดชรัตน์)
ครูยุทธนา วงษ์บ้านดู่
ครูแปรง มวยไชยา
ครูเล็ก (บ้านช่างไทย)
ครูเจริญทอง เกียรติบ้านช่อง
ครูมัด (บ้านภูวศักดิ์)
นักมวยไทยมีชื่อเสียงโด่งดังมากในยุคนั้นถึงปัจจุบัน คือ

หมื่นมวยมีชื่อ
หมื่นมวยแม่นหมัด
หมื่นชงัดเชิงชก
นายทับ จำเกาะ (จนมีคำเรียกขานในยุคนั้นว่า หมัดนายจีน ตีนนายทับ)
นายยัง หาญทะเล
ครูนิล ปักษี

นายกลับ อินทรกลับ
นายอินทร ศักเดช
นายสร เพชรศักดิ์
นายตู้ ไทยประเสริฐ
นายยัง วันธงชัย (ยัง หนุมาน)
นายพูน ศักดา (ต้นตำรับ ศอกกลับคนแรก)
นายทิม อติเปรมานนท์
นายสุวรรณ นิวาสะวัติ
นายชุบ นิวาสะวัติ
นายทอง เอกบุศย์ (ครูทอง เอกบุศย์)
นายนิยม ทองชิต (ผู้ปั้น โผน กิ่งเพชร)
นายจีนไก่ แซ่ฮุ้น
นายแอ ม่วงดี (บังแอ)
นายหวัง มะฮะหมัด
นายซ้อน ศรียานงค์
นายประยงค์ แช่มศรีดิษฐ์
ผล พระประแดง
ยักษ์ผีโขมด สุข ปราสาทหินพิมาย
ทองใบ เจริญเมือง(ยนตรกิจ)
พระเอกยอดนักมวย ชูชัย พระขรรค์ชัย
ราวี เดชาชัย
ขวัญใจนักเรียน อดุลย์ ศรีโสธร,
เขียวหวาน ยนตรกิจ

ก้องธรณี พยัคฆ์อรุณจอมเตะบางนกแขวก อภิเดช ศิษย์หิรัญ
คงเดช ลูกบางปลาสร้อย
เดชฤทธิ์ อิทธินุชิต(ยนตรกิจ)
ปราบธรณี เมืองสุรินทร์
สุภาพบุรุษนักมวย วิชาญ ชำณาญวารี ( ส.พินิจศักดิ์ )
พรชัย (ส.ท่ายาง) แหลมฟ้าผ่า
ไอ้หนูเมืองตรัง พุฒ ล้อเหล็ก
ขุนค้อนเพชรฆาต หัวไทร สิทธิบุญเลิศ
เจ้าหนูแข้งทอง ผุดผาดน้อย วรวุฒิ,
จอมไหว้ครู สกัด เพชรยินดี
นักชกอมตะ วิชาญน้อย พรทวี
ม้าสีหมอก ประยุทธ อุดมศักดิ์
ไอ้หมัดสากเหล็ก สำราญศักดิ์ เมืองสุรินทร์
บานไม่รู้โรย ฉมวกเพชร ห้าพลัง
พยัคฆ์หน้าหยก สามารถ พยัคฆ์อรุณ
ฉลามดำ เชอรี่ ส.วานิช
ขุนเข่าหน้าเปื่อย นำพล หนองกี่พาหุยุทธ
ไอ้แรดดง เหนือธรณี ทองราชา
เจริญทอง เกียรติบ้านช่อง
ขุนเข่าไร้น้ำใจ หลังสวน พันธุ์ยุทธภูมิ
ฉลามร้ายจากฝั่งทะเลตะวันออก ก้องธรณี พยัคฆ์อรุณ
ขุนเข่ากินคน เพชรดำ ลูกบ่อไร่
วังจั่นน้อย ส.พลังชัย

ไอ้เซียน คฤหาสถ์ ส.สุภาวรรณ
จอมจุมพิต แสงเทียนน้อย ส.รุ่งโรจน์
ไอ้หมัดรีโมท ซุปเปอร์เล็ก ศรอีสาน
ซ้ายมหากาฬ เมธี เจดีย์พิทักษ์
แรมโบ้ พงษ์ศิริ พ.ร่วมฤดี
จอมไถนา นำขบวน หนองกี่พาหุยุทธ
บัวขาว ป.ประมุข แชมป์ เค วัน
เป็นต้น

        โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีนักมวยไทยซึ่งเป็นชาวต่างชาติที่มีฝีมือเทียบชั้นกับยอดมวยไทย เช่น ไอ้กังหันนรก รามอน เด็กเกอร์ Ramon Dekker แสดงให้เห็นถึงพัฒนาการของศิลปะมวยไทยที่เป็นที่แพร่หลายไปทั่วโลก จนถึงปัจจุบันนี้ มีคณะ/ค่ายมวยไทยมากมายทั้งในประเทศและต่างประเทศ มีเวทีมวยไทยมาตรฐานได้แก่ เวทีลุมพินี เวทีราชดำเนิน มีสถาบันการสอนมวยไทยทั้งที่เป็นสำนักเรียน สถาบันการพลศึกษา มีการจัดการเรียนการสอนวิชามวยไทยในระดับปริญญาตรี/โท ซึ่งมหาวิทยาลัยราชภัฎหมู่บ้านจอมบึงได้มีโครงการจัดสอนถึงระดับปริญญาเอก และมีองค์กรส่งเสริมควบคุมมาตรฐานและการจัดการแข่งขันมวยไทยระดับชาติและนานาชาติ มีกฎหมายในการควบคุมและคุ้มครองการจัดชกมวย

 


[แก้ไข] หลักการชกมวยไทย
        การชกมวยไทยที่ดี มีหลักสำคัญ คือ มีการป้องกัน ด้วยการยืน มั่นคง เข้มแข็ง สูงเด่น การตั้งแขนป้องกัน (การการ์ดมวย)และ การเก็บคาง เปรียบเสมือนป้อมปราการ พร้อมที่จะตั้งรับและโจมตีตอบโต้ด้วยแม่ไม้ ลูกไม้และการแจกลูกต่างๆ มีการเคลื่อนไหวที่องอาจมีจังหวะ มีการล่อหลอกและขู่ขวัญประดุจพญาราชสีห์ และพญาคชสีห์ อาวุธมวยที่ออกไป ต้องมีเป้าหมายและจุดประสงค์แน่นอน(แต่มักซ้อนกลลวงไว้) มีการต่อสู้ระยะไกล(วงนอก)และระยะประชิด(วงใน)และมีทีเด็ดทีขาดในการพิชิตคู่ต่อสู้ แม่ไม้มวยไทยที่รู้จักแพร่หลาย อาทิ จระเข้ฟาดหาง(หมุนตัวแล้วฟาดตวัดด้วยวงเท้าหลัง), เถรกวาดลาน(เตะกวาดล่างวงนอกรวบสองเท้าให้เสียหลัก) ,หนุมาณถวายแหวน(ชกหมัดเสยพร้อมกันสองข้าง),มอญยันหลัก(ถีบลำตัวให้เสียหลัก),หักงวงไอยรา(เหยียบคู่ต่อสู้เพื่อยกตัวเตะตวัดก้านคอ),บั่นเศียรทศกัณฑ์ (เตะก้านคอ),ปักลูกทอย(ปักศอกลงตรงหน้าขาคูต่อสู้), มณโฑนั่งแทน(กระโดดขึ้นปักศอกลงกลางกระหม่อม), หิรัญม้วนแผ่นดิน (ศอกกลับ) ,พระรามเดินดง (เตะแล้วต่อยตามข้างเดียวกัน),มอญแทงกริช (ถองด้วยศอกบริเวณซี่โครงอ่อน)ฯลฯ ลูกไม้ มีทั้งลูกผสมและลูกแยก เพื่อใช้หลอกล่อและเผด็จศึก เช่น แตะตรงเตะ แตะถีบเตะ แตะตรงถีบเตะ,ลูกเตะสลับ เตะช้อน เตะตวัด เตะสูง เตะสวาบ เตะพับนอกพับใน เตะคา เตะเขี่ยล่าง,ลูกถีบหน้า ถีบหลัง ถีบจิก,ลูกศอกตี ตัด งัด พุ่ง กระทุ้ง กลับ,ลูกเข่าน้อย เข่าลา เข่าโค้ง เข่าตี เข่ากระทุ้ง เข่าลอย เข่าแหลม เข่าคา,ลูกหมัดหน้า หมัดหลัง หมัดลัก หมัดอ้อม หมัดเกี่ยว หมัดสอย หมัดเสย หมัดซ้ำ หมัดหนึ่งสอง หมัดชุดสามเหลี่ยม นอกจากนี้ยังมีการใช้ส่วนที่ไม่เป็นอาวุธในกาป้องกัน/สร้างจังหวะในการตอบโต้ เช่น การใช้ฝ่ามือในการบัง ปิด ปัด ดึง ดัน ผลัก โหน ค้ำ ขวาง กด ใช้เท้าในการเต้น กระโดด ใช้หัวไหล่หรือลำตัวในการหลอกล่อ ฯลฯ

 


[แก้ไข] องค์ประกอบพื้นฐานที่สำคัญของนักมวยไทย
ขนาดและความสมส่วนของร่างกาย
ความเข้มแข็งของร่างกายและจิตใจ
จิตวิญญานของนักสู้
สมาธิ ปฏิภาณ ไหวพริบ
ความศรัทธาเชื่อมั่นกตัญญูต่อครูบาอาจารย์
ความไม่ประมาทและการประเมินสถานการณ์ที่เหมาะสม

 

[แก้ไข] การฝึกฝนวิชามวยไทย
การสมัครตัวเป็นศิษย์ต่อสำนักเรียน/ครูมวยที่ศรัทธาเชื่อถือ
การเตรียมร่างกายในด้าน ความอดทน แข็งแรง คล่องแคล่ว ว่องไว อ่อนตัว แข็งแกร่งทนทานต่อความเจ็บปวด
การฝึกประสาทตา หู สัมผัส
การฝึกใช้อวัยวะส่วนต่างๆตามลูกไม้ แม่ไม้เพื่อให้เกิดพิษสงที่ดีที่สุด
การฝึกกับอุปกรณ์ต่างๆเพื่อเพิ่มสมรรถนภาพโดยรวมและโดยเฉพาะส่วน
การฝึกกับคู่ซ้อม/ครู
การฝึกแบบจำลองสถานการณ์จากน้อยไปหามาก
การฝึกประสบการณ์ตรงโดยมีผู้แนะนำแก้ไข/การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์
การฝึกด้านจิตใจสำหรับนักต่อสู้ชั้นสูง
การจัดโภชนาการ การบริหารความเครียด การสร้างความผ่อนคลายและการบำบัดรักษาด้วยตนเอง/ผู้เชี่ยวชาญ

 

[แก้ไข] กติกามวยไทย
        ปัจจุบันกีฬามวยไทยอาชีพบนเวทีมวยมาตรฐานและ กีฬามวยไทยสมัครเล่น เป็นการต่อสู้ที่มีกฏกติกาชัดเจน มีนายสนามผู้ขออนุญาตจัด มีผู้จัดชก(Promoter)มีกรรมการให้คะแนนและกรรมการตัดสินชี้ขาด (Judge/Julies/Referee)กรรมการตัดสินจะต้องมีอย่างน้อย สาม คน มีกรรมการตัดสินชี้ขาดบนเวทีและกรรมการให้คะแนน การให้คะแนนนิยมให้เป็นยก ยกละ 10 คะแนน (ดูจากการใช้ศิลปะการป้องกัน/การต่อสู้ /ความบอบช้ำที่ได้รับ/อันตรายจากบาดแผล /การได้เปรียบเสียเปรียบ/การคาดการณ์ผลสุดท้ายของการต่อสู้/การตัดคะแนนจากการเอารัดเอาเปรียบคู่ชกในขณะที่ไม่เหมาะสม/การถูกทำให้เสียหลักหรือล้ม/การถูกนับ/ฯลฯ )ซึ่งพิจารณาโดยใช้หลักวิชาและประสบการณ์ของกรรมการที่ผ่านการตรวจสอบรับรองความเชี่ยวชาญเป็นที่ยอมรับ การชกจัดเป็นยกมี ๕ ยก ๆละ ๓ นาที พัก ๒ นาที (เดิมกำหนด ๔ ถึง ๖ ยก) มุ่งผลเพียงแค่ แพ้ ชนะ และการแสดงออกของศิลปะการต่อสู้ชั้นสูง ผู้ชกต้องแต่งกายตามกำหนด และมีการสวมมงคลคาดผ้าประเจียด และก่อนชกต้องมีการไหว้ครูซึ่งเริ่มจากนั่ง/กราบเบญจางคประดิษฐ์/คุกเข่าถวายบังคม /ขึ้นพรหมนั่ง-ยืน /ท่ารำมวย (อาจมีการเดินแปลง ย่างสามขุม การรูดเชือก การบริกรรมคาถา) เพื่อสำรวจ ทักทายหรือข่มขวัญซึ่งแตกต่างกันไปตามค่าย/สำนัก ท่ารำมวย อาทิ พระรามแผลงศร, ลับหอกโมกขศักดิ์ ,กวางเหลียวหลัง ,หงส์เหิร ,สาวน้อยประแป้ง ฯลฯ มีการบรรเลงดนตรีให้จังหวะในการต่อสู้ซึ่งใช้เพลงสะหระหม่าแขกใช้ในการไหว้ครู เพลงบุหลันชกมวย และเพลงเชิด ใช้ในการต่อสู้ เครื่องดนตรีไทยที่ใช้บรรเลงประกอบด้วย ปี่ชวา ,กลองแขก,ฉิ่ง

 


[แก้ไข] อุปกรณ์สำหรับนักมวยไทยที่สำคัญ
1.เครื่องแต่งกาย ได้แก่ กางเกงขาสั้น กระจับ ผ้าพันมือ นวม แบ็ค แองเกิล มงคล ผ้าประเจียด เสื้อคลุม ฟันยาง

2.อุปกรณ์ฝึกซ้อม ได้แก่ กระสอบทราย กระสอบนวม ล่อเป้าหมัด ล่อเป้าเตะ-เข่า พันชิ่งบอล ดัมเเบล บาเบล เก้าอี้ซิทอัฟ เหล็กกำ เชือกกระโดด เชือกมะนิลา กระจกเงา ยางล้อรถยนต์ฝึกการทรงตัว หลักหัวเสา ราวไม้ รั้วต่ำ บาร์เดี่ยว บาร์คู่ เวทีฝึกซ้อม เสื่อ ไม้นวด เตาถ่านและลูกประคบฯลฯ

3.อุปกรณ์อื่น ๆ ได้แก่ วาสลิน กระป๋องฉีดน้ำ(ป็อกเกิล) ผ้าเช็ดตัว ผ้าขนหนู รองเท้าวิ่ง ถังน้ำ กระติกน้ำแข็ง เก้าอี้ เครื่องยาสำคัญ อาทิ น้ำมันมวย ยาหม่อง ยาดำ ยาขม ขมิ้นชัน ไพล บอระเพ็ดหมากพลู ปูนแดง สารส้ม ฯลฯ

 


[แก้ไข] ตัวอย่างท่าแม่ไม้มวยไทย
[แก้ไข] สลับฟันปลา

        เป็นไม้มวยใช้ป้องกัน และหลบหลีกอาวุธของคู่ต่อสู้ ในภาพ ฝ่ายขาวใช้หมัดซ้ายทิ่มเข้าหน้าฝ่ายดำ ฝ่ายดำเบี่ยงตัวมาทางขวาด้วยการก้าวเท้าซ้ายถอยหลัง หรือสืบเท้าขวาไปข้างหน้า แล้วใช้ฝ่ามือขวาผลักแขนของฝ่ายดำออกไปทางซ้าย ถ้าฝ่ายขาวใช้หมัดขวาการป้องกันและตอบโต้ก็ท่าทำนองเดียวกัน แต่เป็นลักษณะตรงกันข้าม คือ เบี่ยงตัวมาทางซ้าย แล้วใช้ฝ่ามือซ้ายตบผลักแขนของฝ่ายดำออกไปทางขวา การยักย้ายถ่ายเทดังกล่าวของทั้งสองท่า มีอาการเคลื่อนไหวของร่างกายและแขนในลักษณะสลับฟันปลา เป็นการป้องกัน ก่อนที่จะหาโอกาสตอบโต้ในจังหวะที่เหมาะสมต่อไป

ภาพ:Bb1.jpg
 [แก้ไข] ปักษาแหวกรัง
        เป็นไม้มวยใช้ป้องกันและตอบโต้ เมื่อคู่ต่อสู้เข้าปล้ำและกอดรัด ในภาพ ฝ่ายขาวเคลื่อนตัวเข้าหาฝ่ายดำและใช้แขนทั้งสองจะเข้ากอดรัด ฝ่ายดำยกแขนทั้งสองสอดเข้ากลาง ระหว่างแขนของฝ่ายขาว ใช้แขนท่อนล่างทั้งสองแขนกันไว้ ไม่ให้ฝ่ายดำโอบแขนเข้ามาได้ เป็นการป้องกัน พร้อมกันนั้นก็ใช้เข่า จะเป็นเข่าใดก็ได้ตามจังหวะการเคลื่อนไหวขณะนั้น ยัดหรือแทงเข่าเข้าไปที่ลำตัวของคู่ต่อสู้ เป็นการตอบโต้

 

ภาพ:Bb2.jpg

[แก้ไข] ชวาซัดหอก

ภาพ:Bb3.jpg

        เป็นไม้มวยใช้ป้องกันหมัดคู่ต่อสู้และตอบโต้ด้วยศอก ในภาพ ฝ่ายขาวใช้หมัดขวาทิ่มเข้าตรงหน้าฝ่ายดำ ฝ่ายดำก้มตัวหลบทางขวา พร้อมกันนั้นก็ใช้ฝ่ามือขวากันแขนขวาของฝ่ายขาวออกไปทางซ้าย เป็นการป้องกัน ในขณะเดียวกันก็สืบเท้าซ้ายไปข้างหน้า พร้อมกับใช้ศอกซ้าย เหวี่ยงหรือกระทุ้งเข้าที่กลางลำตัวของฝ่ายขาว เป็นการตอบโต้

 

 


[แก้ไข] อิเหนาแทงกริช

ภาพ:Bb4.jpg

        เป็นไม้มวยใช้ป้องกันหมัดคู่ต่อสู้ และตอบโต้ด้วยเข่า ในภาพฝ่ายขาวใช้หมัดขวาทิ่มเข้าตรงหน้าฝ่ายดำ ฝ่ายดำใช้ฝ่ามือขวากันแขนของฝ่ายขาวออกไปทางซ้าย เป็นการป้องกัน ในขณะเดียวกันก็ใช้เข่าซ้าย แทงเข้าที่กลางลำตัวของฝ่ายขาวเป็นการตอบโต้

 


[แก้ไข] ยกเขาพระสุเมรุ

ภาพ:Bb5.jpg


        เป็นไม้มวยใช้ป้องกันคู่ต่อสู้เหวี่ยงแข้ง และตอบโต้ด้วยการจับทุ่ม ในภาพ ฝ่ายขาวใช้ขาขวาเหวี่ยงแข้งสูงเข้าบริเวณลำคอด้านซ้ายของฝ่ายดำ ฝ่ายดำหลบลำตัวต่ำ พร้อมทั้งสืบเท้าซ้ายไปข้างหน้า แล้วใช้ฝ่ามือขวากันขาขวาฝ่ายขาวไว้ เป็นการป้องกัน ในขณะเดียวกันก็ใช้มือซ้ายโอบขาขวาฝ่ายขาวไว้ยกขึ้นใส่บ่า แล้วยกขาขวาฝ่ายขาวขึ้นสูงพร้อมกับดันไปข้างหน้า ทำให้ฝ่ายขาวเสียหลักล้มลงได้ เป็นการตอบโต้


ขอขอบคุณข้อมูลจาก

- เว็บไซต์โรงเรียนศิลปะมวยไทย สุราษฎร์ธานี

- วิกิพีเดีย

ภาพประกอบจากวิกิพีเดียและทางอินเทอร์เน็ต
ประเภทของหน้า: กีฬา