ชนเผ่าม้ง - แม่เฒ่าผู้สู้ชีวิต

วันที่เอกสารถูกสร้าง: 
16/12/2007
ที่มา: 
มูลนิธิกระจกเงา โครงการพิพิธภัณฑ์ชาวเขาออนไลน์ http://www.hilltribe.org

 แม่เฒ่าผู้สู้ชีวิต

จากข่าว...คนชราถูกทอดทิ้ง...ที่ไม่เคยจางหายไปจากหน้าหนังสื่อพิมพ์...ซึ่งนับวันจะเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆอย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้ซึ่งปัจจุบันนี้ก็เป็นอีกประเด็นที่เป็นปัญหา ของสังคม ที่รัฐบาลต่างเร่งเข้าไปแก้ไขปัญหาดังกล่าว ซึ่งหากเรามองย้อนถึงต้นเหตุของผลเหล่านี้ อะไร..???ส่งผลให้่้สังคมไทยเริ่มเปลี่ยนแปลง...?? ซึ่งปัจจุบันนี้...คนชราเป็นวัยที่น่าเป็นห่วงที่สุดในสังคมที่มีแต่ความ แย่งแก่งกัน อย่างไม่มีที่สิ้นสุด เพราะวัยชราเป็นวัยที่ใกล้ฝั่งเต็มทีแล้ว

...แต่จะมีสักกี่คนที่จะเข้าใจถึงสภาพจิตใจของคนชราเหล่านี้ แม้ว่าคนชราเหล่่า นี้จะแกไป แต่คนเหล่านี้ยังต้องการความรักความอบอุ่นจากลูกๆหลานๆของคนชราเหล่านี้ แต่ส่วนใหญ่แล้วคนปัจจุบันชอบตัดสินใจ ให้กับคนชราว่า ...คนเหล่านี้หมดความต้องการแล้ว...จะอย่างไรก็ได้...นั่นคือวิธีคิดของคน รุ่นใหม่ ที่ไม่ได้ใส่ใจเรื่องสภาพจิตใจของคนชราสักเท่าไร
เลยส่งผลให้คนรุ่นใหม่ต้องละทิ้งคนชราเหล่านี้จนเต็มบ้านเต็มเมืองอย่างที่ เห็นเป็นอยู่ทุกวัน จะมีสักกี่คนที่ดูแลคนชราเหล่านี้ได้อย่าง พวกเค้าพอใจ   


สายตาแฝงด้วยความเศร้าหม่อง มองไม่ค่อยเห็นอะไรเนื่องจากเป็นโรคต้อกระจกนัยต์ตา รอยหย่นแห่งบนใบหน้าที่แสดง ถึงความแก่ชราตัว บ่งบอกถึงความทุกข์ยากลำบากทางกายและจิตใจ รอเพียงการช่วยเหลือจากคนรอบข้างและคนใกล้ชิด เท่านั้น รอเศษอาหารจากคนรอบข้าง มาเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง เพราะหญิงชราคนนี้ไม่สามารถที่จะไปรับจ้างเพื่อนำมาแลกเป็น ตัวเงินได้ เนื่องจากเมื่อหลายปีที่แล้วหญิงชราคนนี้ถูกรถชน และต้องเข้ารักษาในโรงพยาบาลเพราะต้นขาหัก แต่หลังจาก ผ่าตัดแล้วต้องใส่เหล็กเพื่อยึดขาไว้ เพื่อให้สะดวกแก่การเดินไปไหนมาไหน ซึ่งปัจจุบันนี้ก็ผ่านไปหลายปีแล้วแต่ก็ยังไม่มีเงิน เพื่อที่จะไปผ่าตัดอีกครั้งเพื่อเอาเหล็กนั้นออก ทำให้หญิงชราคนนี้ต้องทนกับเหล็กที่อยู่ในขาตัวเองตลอดเวลา ไม่ว่าจะไปไหน มาไหนก็ไม่สะดวกต้องเดินกะโป้กะเป๋ หญิงชราคนนี้ก็เป็นอีกคนชราหนึ่งที่ไม่มีลูก-ไม่มีหลาน และเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของ คนชราที่ถูกละทิ้งจากสังคม

หญิงชราคนนี้มีชื่อว่า นางสาวเต้า แซ่ย่าง อาศัยอยู่บ้าน ที่ไม่มีบ้านเลขที่ เป็นบ้านกระท่อมเล็กๆ มุงด้วยหญ้าคา ผาฝนังล้อมด้วยไม้ไผ่ที่ ผุกร่อนแล้ว ซึ่งในตัวบ้านมีขนาดเล็กมาก พอที่จะอยู่คนเดียวและหุงหาอาหารกินได้ มีเก้าอี้นั่งเพียงหนึ่งตัวใช้เวลานั่งกินข้าว หากถึงหน้าฝนหลังคาที่มุงด้วยหญ้าคาจะรั่ว ทำให้นางเต้าต้องขอพลาสติกจากชาว บ้านใกล้เคียงมาอุดรูเพื่อกั้นเปียกฝน ส่วนนางเต้ามีความใฝ่ฝันว่าอยากจะได้บ้านที่มุงสังกะสี และข้าวสารเล็กน้อยเพื่อนำมา หุงหาอาหารกิน ซึ่งชาวบ้านที่อยู่ใกล้เคียงก็ได้ยื่นเรื่องไปที่อบต.ตำบลป่ากลาง อำเภอปัว จังหวัดน่าน แต่ทางอบต.ป่ากลางก็ ไม่ได้เข้ามาช่วยเหลือเลย ทำให้นางเต้า แซ่ย่างอยู่อย่างโหดหู่เฝ้ารอคอยแต่น้ำใจของเพื่อนบ้านเท่านั้น