ค้นหา
เมนู
- หน้าหลัก
- หมวดหมู่
- ภัยพิบัติ (65)
- ธรรมชาติ (286)
- วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (172)
- สังคม (2814)
- วัฒนธรรม (3270)
- ศิลปะและการบันเทิง (699)
- ศาสนาและจิตวิญญาณ (7090)
- เนื้อหารอจัดหมวด (26)
- ค้นหาชั้นสูง
- บริจาคเนื้อหา
- เกี่ยวกับโครงการ
ล็อกอิน
เรือนไทย - "บ้านเรือน" ความหมายที่หลากหลาย
เรือนไทย - "บ้านเรือน" ความหมายที่หลากหลาย
คำที่มีความหมายว่าที่พักอาศัยหรือบ้านแบ่งเป็นระดับตามสถานะของผู้อยู่อาศัย อาทิที่อยู่ของพระมหากษัตริย์
เจ้านาย คือ
ปราสาท - เรือนชั้น เรือนมียอดเฉพาะเป็นที่ประทับของพระเจ้าแผ่นดิน
มณเฑียร - เรือนหลวง
พระบรมมหาราชวัง วัง พระบรมราชวัง - ที่อยู่ของพระมหาอุปราช
ตำหนัก - เรือนของเจ้านาย
เรือนยอด - เรือนที่มียอดต่อจากหลังคาขึ้นไป(เรือนยอดทรงมณฑปพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท) กุฎาคาร เรือนต้น
ยังมีคำที่เกี่ยวกับเรือนอีกมาก อาทิ
เรือนแก้ว - สิ่งที่ทำเป็นกรอบล้อมตามรูปนอกของพระพุทธรูป
เรือนจำ - ที่ขังนักโทษ
เรือนเบี้ย - ทาสที่เป็นลูกทาสน้ำเงินเรียกทาสเรือนเบี้ย
เรือนไฟ - กระจกตะเกียงหรือโคม ขนาดของไฟใน
ตะเกียง หรือ โคมครัวสำหรับหุงต้มอาหารโรงพิธีสำหรับบูชาไฟ
เรือนหอ - เรือนปลูกสำหรับคู่บ่าวสาวแต่งงานอยู่
ความเป็นอยู่คือไทย
ความเป็นอยู่อย่างไทยใต้ชายคาเรือนไทย ได้รับการบันทึกจากชาวต่างชาติที่เริ่มเข้ามาเมืองไทยตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา
เป็นกระจกสะท้อนถึง " วิถีไทย " และ " ลักษณะเรือนไทย " อย่างชัดเจน
จดหมายเหตุ ลาลูแบร์ ของ เดอ ลาลูแบร์ ราชทูตชาวฝรั่งเศสกล่าวถึงบ้านเรือนกรุงศรีอยุธยาในสมัยสมเด็จ
พระนารายณ์มหาราชไว้ว่า " ชาวสยามคงมีความเป็นอยู่ที่ง่าย ๆไม่ว่าสิ่งไรหมดถ้าชาวสยามแต่งเนื้อแต่งตัวอย่างเรียบๆ
ง่ายๆบ้านเรือนเครื่องเรือนและอาหารการกินของเขาก็เรียบ ๆง่าย ๆ ไม่ยิ่งหย่อนกว่ากัน เพราะพวกเขาเป็นคนนับถือ
สันโดษมีความมักน้อย ที่อยู่อาศัยของชาวสยามนั้น เป็นหลังย่อม ๆ แต่มีอาณาบริเวณกว้างขวางพอใช้ พื้นเรือนนั้นก็ใช้
ไม้ไผ่มาสับเป็นฟากและเรียงไว้ไม่ค่อยถี่นักแล้วยังจักตอกขัดแตะเป็นฝาและใช้เป็นเครื่องบนหลังคาเสร็จไปด้วยในตัว
เสา ตอม่อที่ยกพื้นขึ้นสูงให้พ้นน้ำท่วมก็ใช้ไม้ไผ่ลำใหญ่กว่าขา และสูงจากพื้นดินราว 13 ฟุต เพราะบางครั้งน้ำก็ท่วม
ขึ้นมาสูงถึงเท่านั้นตอม่อแถวหนึ่งมีไม่มากกว่า 4 หรือ 6 ต้นแล้วก็เอาลำไม้ไผ่ผูกขวางเป็นรอดบันไดก็เป็นกระไดไม้ไผ่
ซึ่งทอดอยู่ข้างนอกตัวเรือนเหมือนกระไดโรงสีลม "
"เรือนสร้างแล้วเสร็จได้รวดเร็ว" ในณะที่เราอยู่ในพระนครนั้นเรือนได้ถูกไฟไหม้ถึง 300 หลังคาเรือน
แต่ก็กลับปลูกขึ้นใหม่แล้วเสร็จเพียงชั่วเวลา 2 วันเท่านั้นเอง คั้งหนึ่งเมื่อมีการยิงลูกแตกถวายให้แก่สมเด็จพระเจ้า
กรุงสยามทอดพระเนตร โดยพระองค์ประทับทอดพระเนตรอยู่ห่าง ๆ ณ สีหบัญชรในพระบรมมหาราชวัง จำเป็น
ต้องรื้อเรือนซึ่งตั้งบังอยู่เสีย 3 หลัง เจ้าของเรือนก็จัดการรื้อถอน และโยกย้ายเครื่องเรือนไปได้ภายในไม่ถึงชั่วโมง"
เรือนของชาวสยามมีเพียงชั้นเดียว "เรือนชั้นเดียวเป็นที่พอความต้องการของชาวสยามแล้ว และข้าพเจ้า
เชื่อว่าวิธีการสร้างเรือนของเขานี้น่าอยู่กว่าการสร้างตามแบบของเรามาก "
ส่วนจดหมายเหตุของ โยส เซาเต็น พ่อค้าชาวฮอลันดา เข้ามาในสมัยพระเจ้าทรงธรรม และ สมัยสมเด็จ
พระเจ้าปราสาททอง กล่าวว่า "บ้านของชาวสยามสร้างด้วยไม้หรือไม้ไผ่ตามแบบอินเดียหลังคาบ้านนั้นใช้จาก หรือ
กระเบื้องมุง เขามักยกพื้นให้สูงกว่าพื้นดินราว 3 หรือ 4 ฟุต บ้านหลังหนึ่ง ๆ มีประตูหนึ่งบาน หน้าต่างหลายบาน
เครื่องแต่งบ้านนั้นมีน้อย มีเท่าที่จำเป็นสำหรับการหลับนอน บริโภคอาหาร และการหุงต้มเท่านั้น คือ เสื่อ หมอน
โตก ขัน และถ้วยชาม
ในจดหมายเหตุของ หมอแกมเฟอร์ ชาวเยอรมัน ซึ่งมากับเรือชาวฮอลันดา เมื่อ พ.ศ. 2233บรรยายลักษณะ
เรือนไทยในสมัยอยุธยาไว้ว่า " บ้านคนธรรมดานั้นเป็นบ้านกระท่อมเสียเป็นพื้นปลูกด้วยไม้ไผ่พื้นกระดาน หลังคามุง
จากหยาบ ๆ พวกขุนนางหรือเสนาบดีและข้าราชบริพารในราชสำนัก มีวังหรือตำหนักอยู่ต่างหาก ตึกทั่วๆไป สร้างด้วย
หินและปูน บ้านซึ่งปลูกตามริมฝั่งแม่น้ำ ปลูกบนเสาสูงเพื่อมิให้กระแสน้ำหน้าน้ำท่วมถึง "
หนังสือสาสน์สมเด็จ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทูลสมเด็จฯ กรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ ความตอนหนึ่ง
ว่า "ในกรุงรัตนโกสินทร์ เมื่อก่อนรัชกาลที่ 3 นอกจากพระราชมณเฑียรแล้ว ยังอยู่เรือนไม้กันทั้งนั้น เช่น ตำหนัก
รักษาในพระราชวังหลวงก็ดีวังเจ้าและบ้านขุนนางก็ดี แม้กุฏิพระเช่นวัดมหาธาตุและวัดพระเชตุพนฯก็ดีล้วนเป็นเรือน
ไม้แบบเรือนไทยทั้งนั้นได้ยินว่าตำหนักในวังหน้าทำเป็นตึกมาตั้งแต่รัชกาลที่1 แต่ก็ทำเป็นเรือนไทยแต่ก่อฝาอิฐเท่านั้น"
อ้างอิงต้นฉบับ : http://www.khonthai.com/Vitithai/home1.htm
ต้องการอ่านเนื้อหาทั้งหมด ไปหน้ารวม link เรือนไทยสี่ภาค คลิ๊กเลยจ้า!