วันที่เอกสารถูกสร้าง: 
21/12/2007
ที่มา: 
มูลนิธิกระจกเงา โครงการพิพิธภัณฑ์ชาวเขาออนไลน์

ชนเผ่าลีซู :การแต่งงาน

ชายลีซูไม่ว่าคนใดจะต้องไม่แต่งงานกับสตรีที่เขาเรียกว่า “จิจิ” หรือญาติ นั้นคือ พี่สาว หรือน้องสาวร่วมตระกูล หรือแม้แต่ลูกของน้าก็แต่งไม่ได้แต่งได้กับลูกสาวของอา และไม่ใช่ตระกูลเดียวกัน

การเลือกคู่

หนุ่มสาวลีซูหาคู่กันรอบ ๆ ครกตำข้าวนั้นเอง ยามค่ำสาว ๆ จะชุมนุมกันตำข้าวไว้หุง ในวันรุ่งขึ้นเป็นโอกาสให้หนุ่ม ๆ ไปอาสาช่วยตำ แล้วปากต่อปากคำ หยอกเย้าเกี้ยวพา พอสาวหยุดพักหนุ่มก็พาคนที่ถูกใจไปนั่งพร่ำพรอดกัน โดยบางคู่ก็ถึงขั้นแลกกำไล หรือสัญลักษณ์เสน่หาอื่น ๆ ซึ่งต่างฝ่ายก็จะพกติดตัวไว้ในกระเป๋าเสื้อแนบในหัวใจ บ่อยครั้งการเกี้ยวพาจะทำกันอย่างครึกครื้นเมื่อถึงเวลาทำงานในนา หรือในไร่ สาวจะส่งข่าวไปนัดหมายหนุ่มๆ ว่าวันนี้จะไปนาไหนแล้วทั้งสาว ทั้งหนุ่มก็แต่งตัวชุดใหญ่ไป “เล่นเพลง” กันนั่นคือ แม่เพลงว่าบาทแรก แล้วลูกคู่ก็ร้องรับกันทั้งหมู่จนจบบท แล้วพ่อเพลงก็ตอบบาทแรกให้ลูกคู่ก็รับจนจบบท โต้กันไปโต้กันมาด้วยความหมายเกี้ยวพา ทั้งลูกล่อลูกชน เป็นต้น ด้วยเพลง “เดือนหกฝนตกแค่พรำ ๆ พอเดือนเก้าฟ้าจะล่มเสียให้ได้ เมื่อเดือนหกอกพี่ก็แค่เสียว ๆ ตกเดือนเก้าราวกับเคียวกรีดหัวใจ...” ฝ่ายใดติด หรือจนให้อีกฝ่ายเอาไปต่อเองได้ เป็นอันว่าแพ้เด็ดขาดจบเกมในวันนั้น ข่าวก็จะแพร่สะพัดไปทั้งหมู่บ้านทำให้ฝ่ายแพ้เสียหน้าไปไม่น้อย ครอบครัวของทั้งสองฝ่ายมักจะรู้อยู่ว่าลูกชาย ลูกสาวชอบกันถึงเวลาคราวมีคู่ได้แล้ว ลีซูเปรียบเทียบชายเหมือนลำต้น และกิ่งไม้ ส่วนผู้หญิงเหมือนใบ เมื่อลำต้นรู้สึกว่าใบกำลังจะถูกแย่งชิงไปก็จำเป็นจะต้องป้องกัน

พิธีแต่งงาน

ชนเผ่าลีซูนั้นจะเข้าพิธีแต่งงาน โดยค่าสินสอดของหญิงสาว และค่าน้ำนมจะมอบให้กับพ่อแม่ของฝ่ายหญิงฝ่ายเดียว ค่าตัวสาวลีซูจะค่อนข้างแพง อาจแพงกว่าสาวบางเผ่า ค่าตัวสาวลีซู ประมาณ 30,000 บาทขึ้นไป สาเหตุที่ค่าตัวหญิงสาวค่อนข้างแพงนั้น เพราะว่าเมื่อแต่งงานแล้วฝ่ายหญิงจะต้องไปอยู่กับทางฝ่ายชาย และจะต้องช่วยทำงานทุกสิ่ง ทำทุกอย่างทั้งในบ้าน และนอกบ้าน ทำงานค่อนข้างจะหนัก สำหรับเงินค่าตัวของฝ่ายหญิงนั้น ทางพ่อแม่ของฝ่ายชายจะเป็นคนออกให้ทั้งหมด วิธีการสู่ขอมีหลายขั้นตอน ซึ่งทางฝ่ายชายที่จะมาขอต่อรองราคาสินสอดให้ลดลงบ้างนั่นเอง โดยเริ่มต้นด้วยหนุ่มสาวตกลงปลงใจ ว่าจะใช้ชีวิตคู่ร่วมกันอย่างแน่นอน ถ้าเป็นต่างหมู่บ้านฝ่ายชายจะนัดวันที่จะพาหญิงสาวหนี เมื่อถึงวันกำหนดนัดก็มารับตัวคนรักของตนไป โดยเอาตัวหญิงสาวไปแอบซ่อนไว้ที่บ้านของญาติไว้ก่อน วันรุ่งเช้า ฝ่ายญาติของเจ้าบ่าว ซึ่งอาจจะเป็นลุง หรืออา พร้อมกับกลุ่มพ่อสื่ออีกสองสามคน ยกขบวนมายังหมู่บ้านของฝ่ายหญิง พร้อม ทั้งญาติมิตร พอมาถึงบ้านฝ่ายหญิงก็เปิดฉากให้พ่อแม่ฝ่ายหญิงได้รู้เรื่องราวของลูกสาว ที่หายตัวไปบอก ให้พ่อแม่ของฝ่ายหญิงว่าไม่ต้องห่วงที่หายตัวไป เพราะปลอดภัยทุกประการ และมีความสุขดี ที่ได้ยกบวนกันมาในวันนี้ก็ด้วยปรารถนาอยากจะเป็นทองแผ่นเดียวกันกับคนของ ในบ้านนี้ เมื่อการเจรจาสู่ขอเรียบร้อยตกลงกันได้แล้ว กรณีการสู่ขอ ทางฝ่ายชายวางเงินของค่าตัวให้พ่อแม่ของฝ่ายหญิงเอาไว้ก่อน ส่วนที่เหลือก็ชำระให้วันหลัง แต่ว่าพ่อแม่ฝ่ายหญิงเป็นนัดเวลาว่าให้ชำระในวันไหน และเดือนไหน เมื่อถึงเวลาแล้วต้องจ่ายให้หมด ถ้าจ่ายไม่หมดต้องเอาลูกสาวของตนเองกลับคืนมา ถ้าหากฝ่ายชายมีฐานะค่อนข้างดีก็จะจ่ายค่าสินสอดให้หมด

เมื่อมาถึงการนัดวัน และเดือนของพิธีแต่งงาน พ่อแม่ของฝ่ายหญิงเป็นคนนัดเองว่าให้แต่งเดือนไหน และวันไหน ส่วนพิธีจะจัดขึ้นที่บ้านของฝ่ายหญิง ซึ่งก็จะเชิญแขก และญาติพี่น้องทั้งสองฝ่ายมากันพร้อมหน้าพร้อมตา ทั้งสองฝ่ายต้องช่วยกันเตรียมของ เช่น สุรา อาหาร พร้อมทั้งเครื่องเล่นต่าง ๆ ให้พร้อมเพรียง เวลาที่แต่งนั้นจะอยู่ในช่วงสาย ๆ ก่อนเที่ยง โดยจะจัดขึ้นที่หน้าหิ้งผีบรรพบุรุษภายในบ้าน ให้เจ้าบ่าวเจ้าสาวมานั่งคุกเข่าคู่กันที่บนพื้นปูเสื่อไว้ จากนั้นผู้อาวุโสชายซึ่งเป็นผู้ประกอบพิธีการเซ่นไหว้ผีบรรพบุรุษ ด้วยหัวหมู ข้าว เหล้า น้ำ ธูป พร้อมทั้งบอกกล่าวให้ได้ทราบถึงสมาชิกคนไหม่ที่จะมาเป็นลูกเขยของบ้านหลังนี้    

จากนั้นนำน้ำในถ้วยบนหิ้งให้คู่บ่าวสาวได้ดื่มกัน เพื่อความเป็นสิริมงคล และเป็นพรจากบรรบุรุษ พิธีคำนับผีบรรบุรุษพ่อแม่ และญาติผู้อาวุโสของทั้ง 2 ฝ่าย การคำนับนั้น ทั้งคู่จะนั่งคุกเข่าวางมือทั้งสองแตะลงบนพื้นด้านหน้า แล้วก้มศีรษะให้หน้าผากแตะพื้นคนละ 3 ครั้ง ผู้อาวุโสกำลังให้ศีลให้พรเจ้าสาว ก้มหน้าอยู่กับพื้น ส่วนเจ้าบ่าวจะคำนับ ด้วยการกางมือทั้งสองข้างออก แล้ววางแตะพื้นข้างหน้า จึงก้มศีรษะให้หน้าผากแตะพื้นคล้าย ๆ กับลักษณะการไหว้ครูของนักมวยไทย เสร็จพิธีแล้วผู้อาวุโสที่ประกอบพิธี จะนำเงินทั้งหมดที่แขกผู้มาร่วมในพิธีแต่งงาน มอบให้กับเจ้าบ่าวเจ้าสาว แล้วจัดใส่ในขันน้ำใส่น้ำจากนั้นให้เจ้าบ่าวได้ดื่ม 3 อึก

เพื่อให้มีแต่ความร่ำรวยด้วยทรัพย์สินเงินทองตลอดไป แล้วจึงเทเงินในขันทั้งหมดใส่ในมือของเจ้าบ่าวที่คอยรับอยู่แล้ว เจ้าบ่าวก็จะเทเงินทั้งหมดให้ กับเจ้าสาวที่ชายผ้าโพกศีรษะของเธอคอยประคองรับอยู่แล้วเช่นกัน จากนั้นก็เชิญญาติพี่น้อง และแขกที่มาร่วมงานร่วมวงรับประทานอาหารด้วยกัน ทุกคนจะดื่ม จะกินอย่างสนุกสนานอย่างเต็มที่ เจ้าภาพจะทยอยมาบริการอย่างไม่ขาดสาย พอตกกลางคืนก็มาถึงรายการของความสนุกสนานนั้นคือ จับกลุ่มเต้นรำกันหน้าบ้านของเจ้าภาพ เป็นการจับมือต่อ ๆ กันไปเป็นวงกลม ทั้งเด็ก และหนุ่มสาว ทั้งผู้ใหญ่ก็มาเต้นด้วยกันมีทั้งจังหวะช้า และเร็ว นอกจากนั้นก็มีการร้องเพลงกัน เพลงที่ร้องก็มี 2 แบบ เช่น เพลงใหญ่ หมายถึง การร้องในบ้านหน้าหิ้งบรรพบุรุษ ส่วนเพลงที่สอง เพลงเล็ก หมายถึง การร้องแบบโต้กลับไป โต้กลับมา จะมี 2 ฝ่าย ฝ่ายชาย และฝ่ายหญิง


ข้อมูลจาก http://www.hilltribe.org/thai/lisu/lisu-marriage.php