วันที่เอกสารถูกสร้าง: 
21/12/2007
ที่มา: 
มูลนิธิกระจกเงา โครงการพิพิธภัณฑ์ชาวเขาออนไลน์

 ชนเผ่าลีซู : การตาย

ความเชื่อลางบอกเหตุคนใกล้ตาย
ลีซูมีความเชื่อกันว่า ใครที่ขวัญอ่อนหรือคนในช่วงป่วยหนักใกล้ตาย โดยมาปรากฏตัวให้เห็นเป็นเงา การปรากฏตัวของดวงวิญญาณของคนขวัญอ่อนนั้นมี 2 กรณี เช่น ปรากฏตัวให้เห็นเหมือนคนธรรมดา มาปรากฏตัวระยะเวลาสั้น ๆ ยังไม่ได้ทักทายหรือพูดคุยอยู่ ๆ ก็หายตัวไปอย่างรวดเร็วจนผิดสังเกต ถ้าเป็นเช่นนี้ผู้ที่เห็นดวงวิญญาณนั้น ต้องไปบอกเจ้าของดวงวิญญาณ และบุคคลผู้ที่อยู่ในช่วงขวัญอ่อน โดยตัวเองไม่ได้ไปตรงบริเวณที่มีคนเห็น ต้องรีบไปทำพิธี โดยใช้ไข่ 1 ฟอง ข้าวสารหรือข้าวสุก 1 ถ้วย ธูป 2 คู่ และให้คนที่เห็นดวงวิญญาณเป็นผู้เรียกขวัญให้ ส่วนปรากฏตัวให้เห็นเป็นเงานั้นมี 2 แบบ ขาวครึ่งหนึ่งดำครึ่งหนึ่ง แสดงว่าเจ้าของเงานั้นขวัญอ่อนมาก และกำลังป่วยหนักใกล้จะตาย ถ้าหากรีบทำพิธีเรียกขวัญอาจจะทำให้รอดตายก็ได้ ส่วนกรณีที่ปรากฏตัวเป็นเงาสีขาวทั้งตัว แสดงว่าเจ้าของเงาคนนั้นใกล้จะตายและไม่มีทางรักษาได
การตายและพิธีเก็บศพ

ลีซูมีความเชื่อในเรื่องความตาย เมื่อมีการตายในลักษณะนี้เกิดขึ้น ลำดับแรก ลูกหลานและญาติพี่น้องจะจัดการอาบน้ำชำระศพคนตายจนสะอาดเรียบร้อยก่อน แล้วจึงเปลี่ยนเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายชุดใหม่ให้กับคนตาย จากนั้นจึงห่อด้วยผ้าขาวอีกชั้นหนึ่ง และจึงนำร่างเข้าบรรจุในโรงศพ ตั้งไว้บริเวณหน้าหิ้งผีบรรพบุรุษภายในบ้าน ที่หน้าศพจะตั้งเครื่องบูชา และเครื่องเซ่นไว้ตลอด เครื่องบูชานั้นจะเป็นตะเกียงน้ำมันก๊าดดวงเล็ก ๆ 1 ดวง และธูป ซึ่งจะต้องจุดไฟตะเกียงตั้งไว้ตลอดเวลา พร้อมทั้งธูปจุดไปปักไว้ในกระถาง และจะต้องคอยเติมน้ำมันตะเกียง และจุดธูปต่อ ๆ ไป มิให้ขาดต่อตลอดยะระเวลาที่ตั้งศพไว้ในบ้าน

ส่วนเครื่องเซ่นนั้น จะเซ่นกันวันละ 2 ครั้ง ในช่วงเช้าและเย็นโดยช่วงเช้าจะเป็นไก่ 1 ตัว หรือหมูก็ได้ ข้าวสารหรื่อข้าวสุก น้ำ เหล้า ช่วงเย็นก็เหมือนกัน ส่วนช่วงกลางคืนนั้น ตั้งแต่หัวค่ำจนถึงสว่าง ตลอดระยะเวลาที่ตั้งศพไว้ในบ้าน มีกลุ่มหนึ่งจะทำพิธีสวดกล่อมร้องเพลงให้วิญญาณผู้ตายที่หน้าโรงศพ จะกล่าวให้ผู้ตายได้รู้ว่าบัดนี้เขาได้ไปอยู่ที่บนสวรรค์แล้ว ขอให้อย่าห่วงใยกับลูกหลายอีกเลย และมีพิธีสวดส่งวิญญาณผู้ตายให้ขึ้นไปอยู่ที่บนสวรรค์ ในคืนสุดท้ายก่อนที่จะนำศพไปฝังตอนเช้าของวันรุ่งขึ้น

ส่วนบรรดาแขกทั้งหลายที่มาช่วยงานกันอย่างเต็มที่กับการงาน ช่วงกลางคืนจนถึงสว่าง ตลอดระยะเวลาที่ตั้งศพอยู่ในบ้าน มีการเล่นไพ่ ไฮโล บ้านของเจ้าภาพอย่างสนุกสนาน ทั้งชาย และหญิงได้มีโอกาสเข้าร่วมวงเสี่ยงโชคกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา การเล่นทั้งหลายที่มีขึ้นในงานศพนั้น เพื่อเป็นการปลุกปลอบใจบรรดาลูกหลาน และญาติมิตรของผู้ตาย มิให้โศกเศร้าในการจากไปของผู้ตายนั่นเอง พิธีจะไว้ศพมีทั้งหมด 3 วัน 3 คืน หรือจะไว้ 7วัน 7 คืน ก็ได้แล้วแต่ลูก ๆ ทั้งหลาย

พิธีฝังศพ

ลีซูไม่มีป่าช้าสำหรับการฝังศพ แต่จะเลือกสถานที่คิดว่าเหมาะสม ลักษณะเดียวกับฮวงจุ้ยของคนจีน ถ้าหากหาสถานที่ฝังศพของผู้ตายถูกลักษณะของฮวงจุ้ยได้ วิญญาณของผู้ตายก็จะอยู่อย่างสงบสุข และจะแผ่บารมีให้กับลูกหลานและญาติมิตร ทำมาหาค้าขายขึ้นมีทรัพย์สินเงินทอง ถ้าหากหาสถานที่ฝังศพไม่เหมาะ และไม่ถูกลักษณะของฮวงจุ้ย วิญญาณผู้ตายย่อมจะไม่สงบสุขจะกลับมาหาลูกหลาน และจะทำให้ลูกหลานเป็นพิษเป็นภัย และทำมาหากินก็ไม่ขึ้น เมื่อมาถึงสถานที่ฝังแล้วมีการโยนไข่เสี่ยงทาย เพื่อถามวิญญาณผู้ตายว่าพอใจสถานที่ที่เลือกให้แห่งนี้หรือเปล่า โดยจุดธูปบอกกล่าวกับวิญญาณผู้ตายเสียก่อน แล้วโยนไข่ดิบ โยนไข่ด้านหน้าไปข้ามหลังให้ตกลงบริเวณที่จะขุดหลุมฝังศพ หากไข่แตกเป็นอันว่าวิญญาณผู้ตายพอใจ หากไข่ไม่แตกเป็นอันว่าวิญญาณผู้ตายไม่พอใจ ต้องโยนช้ำอีกจนครบ 3 ครั้ง


หากยังไม่แตกอีก ต้องเปลี่ยนมาโยนข้ามหลังไปด้านหน้า หากครั้งแรกยังไม่แตกก็โยนช้ำจนครบ 3 ครั้ง
แล้งยังไม่แตกแสดงว่าเจ้าของผู้ตายไม่พอใจที่จะให้ฝังร่างของตนในที่แห่งนี้ ต้องไปหาที่อื่นและต้องเสียทายโยนไข่ดิบ ถามต่อไปจนกว่าไข่แตกแล้ว เมื่อหาได้สถานที่ที่พอใจจึงลงมือขุดหลุมศพ ขุดหลุมเสร็จวางโรงศพลงไปแล้วถมดินลงไปจนเสร็จ สวดให้วิญญาณผู้ตายให้อยู่อย่างสงบสุข หลังจากทำพิธีเสร็จแล้ว ดวงวิญญาณของผู้ตายจะไปแจ้งให้กับศาลเจ้า (อาปาโหม่ฮี) ให้ทราบว่าตอนนี้ตนได้ตายไปแล้ว หลังจากแจ้งการตายให้อาปาโหม่ฮีแล้ว ดวงวิญญาณของผู้ตายก็จะกลับไปรอของส่วนบุญจากลูกหลาน ที่มาทำบุญให้ในวันเช็งเม้งที่หลุมศพของผู้ตายครบ 3 ครั้ง แล้วกลับมารายงานตัวกับอาปาโหม่ฮีอีกครั้ง เพื่อขอไปเกิดใหม่หรือขึ้นสวรรค์หรือลงนรก แล้วแต่ตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ได้ทำความดี หรือทำบาปไว้มากเพียงใด สำหรับผู้สืบสกุลก็จะมาประจำอยู่ที่แท่นบูชาประจำบ้านของผู้สืบสกุลของตนเอง


ซื้อที่ดินหว่านเมล็ดพันธุ์พืชและซื้อน้ำซื้อฟืนให้กับผู้ตาย

ลีซูมีความเชื่อกันว่า เมื่อตายไปแล้วแต่ก็ต้องการทำมาหากินและต้องการที่ดิน ต้องการเมล็ดพันธุ์พืช ซื้อที่ดินให้ผู้ตาย กรณีหมอผีจะซื้อที่ดินให้รอบ ๆ บริเวณหลุมศพ จากผีป่าผีดอย เจ้าที่เจ้าทาง ซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินบริเวณนี้ เพื่อให้วิญญาณของผู้ตายได้ใช้เป็นพื้นที่สำหรับทำมาหากิน โดยจะใช้เงินเหรียญโยนไปทั้ง 4 ทิศรอบ ๆ บริเวณหลุมศพเป็นค่าที่ดิน จากนั้นจะทำพิธีหว่านพันธุ์ข้าว ข้าวโพด และเมล็ดพันธุ์ผัก พืชผลต่าง ๆ อีกหลายชนิดลงบนพื้นดินที่ซื้อให้ผู้ตาย เพื่อให้ผู้ตายได้ใช้พืชผลเหล่านี้ทำมาหากินในโลกของผู้ตายต่อไป เสร็จจากการหว่านเมล็ดพืชพันธุ์ผักแล้ว โยนเงินเหรียญไปทางด้านฝั่งซ้ายของหลุมศพ ซื้อฟืนจากเจ้าที่เจ้าทางให้ผู้ตายได้ใช้หุงอาหาร โยนเงินเหรียญไปทางด้านฝั่งขวาของหลุมศพ ซื้อน้ำให้กับผู้ตายได้ใช้ได้อาบ และได้ดื่มกินตลอดไป หมอผี "หนี่ผะ" จะสวดบอกกล่าวให้กับวิญญาณผู้ตายว่า ยังไม่ได้ไปผุดไปเกิด ก็ขอให้ทำมาหากินบริเวณนี้ อย่าได้ร่อนเร่ไปที่ไหนเป็นอันขาด    
พิธีทำบุญ “หลี่ฮีฉัว"

ขึ้นในวันที่ 3 ของเดือน “ซาฮา” (เดือน 3 ของลีซู) พิธีนี้เป็นการทำบุญให้กับวิญญาณบรรพบุรุษ ที่ได้ล่วงลับไปแล้ว ซึ่งเชื่อกันว่าถ้าลูกหลานใส่ใจและทำบุญให้ ตลอดจนดูแลบริเวณหลุมฝังศพให้เป็นอย่างดี จะทำให้ลูกหลานมีความเจริญรุ่งเรือง มีทรัพย์สิน เงินทอง การทำบุญให้วิญญาณบรรพบุรุษ จะทำบริเวณหลุมฝังศพ พิธีเซ่นไหว้ เช่น ไก่ หมู จากนั้นจะมีการปรับปรุงซ่อมแซมหลุมฝังศพและบริเวณรอบ ๆ ซึ่งการทำพิธี “หลี่ฮีฉัว” อย่างน้อยต้องทำ 3 ปีต่อวิญญาณ 1 ดวง หากลูกหลานมีทรัพย์ก็อาจจะทำให้ทุกปี แต่คนไม่พร้อม หรือไม่มีเงินที่จะทำก็ไม่เป็นไร มีเมื่อไหรค่อยทำก็ได้


ข้อมูลจาก  http://www.hilltribe.org/thai/lisu/lisu-death.php