วันที่เอกสารถูกสร้าง: 
14/01/2008
ที่มา: 
มูลนิธิกระจกเงา โครงการพิพิธภัณฑ์ชาวเขาออนไลน์

นิทานลาหู่-อาไข่จอมเจ้าเล่ห์

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ชาวลาบายังสู้รบกับหว้าแดง จีนและไทใหญ่ พวกเขามีแม่ทัพ ชื่อ นะเยอะ วันหนึ่งแม่ทัพก็เรียก ชาวบ้านมา ประชุมเพื่อจะให้เตรียมตัวออกไปรบ แม่ทัพสั่งให้ทุกคนเตรียมเสบียง เช่น ข้าว พริกและเนื้อ ไปกินตอนออกรบ อาไข่เป็นคนหนึ่งที่ ต้องไปออกรบเพราะเขาเป็นผู้ชายแต่ด้วยความที่ไม่อยากเอาชีวิตไปทิ้งที่สนามรบเขาเลยคิดอุบาย โดย ไม่เตรียมเสบียงตามที่แม่ทัพสั่ง เช้าวันรุ่งขึ้น แม่ทัพก็สั่งให้เคลื่อนทัพไปรบ พอกองทัพไปได้สักครึ่งทาง แม่ทัพก็สั่งให้หยุดทัพ เพื่อพักเหนื่อย เวลานั้นเป็นช่วงพักกลางวัน พอดี ทหารทุกคนเลยเอาเสบียงที่ตัวเองเตรียมมาออกมากิน แล้วทุกคนก็ต้อง ประหลาดใจ เมื่ออาไข่เปิดเสบียงของเขาออกมาแล้วของ ทุกอย่างไม่เป็นดังที่แม่ทัพสั่ง ห่อข้าวกลายเป็นห่อแกลบ ห่อพริก กลายเป็นห่อขี้เถ้า ห่อเนื้อกลายเป็นลูกไก่ถูกห่ออยู่ในนั้น ทุกคนหารู้ ไม่ว่านี่เป็นแผนของอาไข่ที่จะให้ทุกคนเข้าใจว่ามันเป็น ลางไม่ดีของอาไข่ ถ้าเขาไปออกรบเขาคงต้องตาย ไม่ก็อาจจะทำให้กองทัพพ่ายแพ้ อาไข่ยังไม่ยอมหยุดหลอกเพื่อน ๆ และ แม่ทัพเท่านั้น เขายังท้าให้เพื่อนเอาหน้าไม้ยิงใส่หิน ทุกคนต่างก็ไม่สามารถยิงเข้าไปในหินได้ แต่ด้วยความฉลาดและเจ้าเล่ห์ ของอาไข่เขาก็เอาขี้ผึ้งที่มีความเข้มข้นมากมาติดไว้ที่ปลายลูกดอก พอยิงไปแล้วทำให้ลูกดอกติดกับ ก้อนหินเมื่อมองไกล ๆ ก็จะดูเหมือนว่าลูกดอกถูกยิงเข้าไปในก้อนหิน จากเหตูการณ์นี้ยิ่งทำให้ทุกคนเชื่อว่าอาไข่มีเคราะห์ ดังนั้นแม่ทัพ จึงหลงกล ฃอาไข่ อนุญาตให้อาไข่กลับไปหมู่บ้านได้ ก่อนจะกลับเพื่อน ๆ อาไข่ต่างก็ฝากฝังอาไข่ให้ดูแลเมียและลูกของตนด้วยเพราะ ในหมู่บ้านมีแต่ผู้หญิงกับเด็ก อาไข่ก็รับปากเป็นอย่างดี

เวลาผ่านไปหนึ่งอาทิตย์แล้วบรรดาเมีย ๆ ก็เป็นห่วงผัวตัวเอง อาไข่เลยมาพูดว่า ผ่านตั้งหนึ่งอาทิตย์แล้วพวกเขายังไม่กลับมา คงเพราะ ตายกันไปหมดแล้ว แต่อย่างไรก็ตามบรรดาผู้หญิงก็ยังไม่เชื่อ ตกดึกอาไข่ไปหาปู ต่อและกาบไม้ไผ่มา จากนั้นก็แอบ เอาไปแขวนไว้ที่ชายคาบ้านทุกบ้าน แผนของอาไข่เริ่มได้ผลเมื่อทั้งปูและต่อพยายามออกมาจากกาบไม้ไผ่ที่ห่อพวกมันไว้ ทำให้เกิดเสียงประหลาดจน ทำให้พวกผู้หญิงและเด็ก ๆ กลัว เช้าวันรุ่งขึ้น พวกผู้หญิงต่างมาหาอาไข่เพื่อปรึกษา อาไข่ก็หลอกว่า เสียงเมื่อคืนเป็นเสียงของวิญญาณ ของผัวพวกนางที่ตายอยู่ที่สนามรบ พอได้ฟังดังนั้นพวกผู้หญิงก็กลัว อาไข่เลยเสนอให้มา นอนที่บ้านตน แต่มีข้อแม้ว่าจะต้องไม่เอาเด็ก มานอนด้วยเพราะตนกลัวว่าจะมาถ่ายเลอะเทอะ พวกผู้หญิงก็สัญญาว่าจะไม่ทำ ให้บ้านอาไข่เลอะเทอะ อาไข่ก็ตั้งข้อแม้อีกว่าถ้าบรรดาลูก ๆ ของพวกนางถ่ายออกมาเลอะเทอะ พวกนางจะต้องรับผิดชอบโดย มานอนกับตน แล้วพวกผู้หญิงก็ยอมตกลง ด้วยเพราะกลัวผีผั ของตัว-เอง พอตกดึกอาไข่ก็วางแผนจะจัดการพวกผู้หญิงโดยการ ต้มถั่วเหลือง จากนั้นก็ตำแล้วปั้นให้เป็นรูปอุจาระ และก็เอาไปวางไว้ใกล้ก้นเด็ก ๆ พอเช้าขึ้นมาอาไข่ก็โวยวายบอกว่าลูกของ พวกนางถ่ายจะเลอะเทอะแล้ว ดังนั้นพวกนางต้องทำตามสัญญาที่ให้ไว้คือ มานอนกับอาไข่ แต่พวกนางปฏิเสธและขอเปลี่ยน เป็นทำความสะอาด อาไข่ก็ไม่ยอมให้ทำความสะอาดบ้าน จากนั้นก็เสนอให้ไปถามที่ไม้ทะโล้ ( เป็น ต้นไม้เนื้อสีแดง มีรูพรุน ใช้ในการเสี่ยงทายของลาหู่ ) เมื่อพวกผู้หญิงออกเดินไปที่ไม้ทะโล้ อาไข่ก็รีบไปทางลัดเพื่อไปให้ถึงก่อนแล้วแอบ ซ่อนอยู่ใน โพรงไม้ พอพวกผู้หญิงมาถึงพวกนางก็เคาะไม้ทะโล้แล้วถามว่าจะนอนกับอาไข่ดีไหม จากนั้นอาไข่ก็พูดออกมาว่า ดี ดี ให้นอน เถอะ แล้วพวกนางก็เชื่อไปนอนกับอาไข่จนกระทั่งตั้งท้องลูกอาไข่กันทั้งหมู่บ้าน

หนึ่งปีผ่านไป พวกผู้ชายที่ออกไปรบก็กลับมา ตอนนั้นช่วงกินวอก็หมดไปแล้ว แต่พวกผู้ชายที่กลับมาทีหลังอยากมีงานฉลอง รื่นเริงบ้าง เพราะพวกผู้หญิงฉลองกินวอกันไปหมดแล้ว ( ตั้งแต่นั้นมาประเพณีกินวอของลาหู่เลยแยกการฉลองเป็นของผู้หญิง 6 วัน และของผู้ชาย 6 วัน ) จากนั้นพวกผู้หญิงก็พากันมาฟ้องผัวตัวเองว่าถูกอาไข่รังแก พวกผู้ชายก็บอกว่ารอให้หมดกินวอก่อน แล้วจะจัดการอาไข่ให้ ( ช่วง กินวอชาวลาหู่จะไม่ทำการอะไรเลย ) พอหมดการกินวอ พวกผู้ชายก็รวมตัวกันไปจับอาไข่ แล้ว มัดมือมัดขา จากนั้นก็เอาไปลากรอบ หมู่บ้านและในดงแคะฟู ( เป็นต้นไม่ที่มีหนามแหลมคมมาก ) และแล้วชาวบ้านก็ต้อง ประหลาดใจเมื่ออาไข่ กลับหัวเราะชอบใจแทนที่ จะร้องโอดโอยขอชีวิต จากนั้นก็พาไปลากกับพื้นทราย คราวนี้เป็นพื้นทราย นิ่มๆ อาไข่กลับร้องอย่างทรมาน ขณะที่ชาวบ้านกำลังงงกัน อยู่อาไข่ก็สามารถหลุดออกมาได้ พอหลุดออกมาเขาก็รีบวิ่งไป ที่ต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ข้างหน้าผา แต่หลังต้นไม้นั้นเป็นถ้ำ พอชาวบ้านเห็น ดังนั้นก็รีบไปช่วยกันโค่นเพราะอยากให้อาไข่ตาย แต่ก่อน โค่นอาไข่ก็ตะโกนบอกว่าถ้าตัดต้นไม้แล้วเอนไปทางหน้าผาตนจะดีมาก เพราะ จะสามารถหนีต่อไปทางลำห้วยได้ ถ้าตัดไปทาง ลำห้วยตนก็คงต้องตาย เนื่องด้วยชาวบ้านอยากให้อาไข่ตายมาก เลยโค่นต้นไม้แล้วล้ม ไปทางถ้ำ พอต้นไม้ล้มไปอาไข่ก็รีบ เข้าไปในถ้ำ แล้วชาวบ้านก็ทำกับดักกั้นทางออกไว้ไม่ให้อาไข่ออกมาได้

ผ่านไปได้อาทิตย์หนึ่งก็มีชาวบ้านมาดูว่าอาไข่ตายแล้วหรือยัง โดยการเอาไม้แหย่เขาไปดู แต่อาไข่กลับเอาอุจาระของตัวเอง ป้ายไปที่ ปลายไม้ที่แหย่มา ด้วยกลิ่นที่เน่าเหม็นทำให้ชาวบ้านคิดว่าอาไข่คงตายแล้ว จากนั้นอาไข่ก็อยู่ในถ้ำ เมื่อไม่มีอะไร ทำเลยทำจิ๊งหน่องเป่า เขาเป่าได้ไพเราะมากจนมีผู้หญิงนางหนึ่งมาหลงแล้วพยายามเข้ามาหาเขา แต่แล้วนางก็โดนกับดัก ทับตาย อาไข่เลยออกมาได้

ชาวบ้านเห็นว่าอาไข่ยังไม่ตายก็จับอาไข่มาอีก คราวนี้ชาวบ้านช่วยกันสานไม้ไผ่เป็นกรงแล้วเอาอาไข่ใส่ไว้ จากนั้นก็นำไป ห้อยไว้ ใต้สะพานที่มีแม่น้ำอันกว้างใหญ่และไหลเชี่ยว แต่แล้วโชคของอาไข่ก็มาถึงเมื่อมีพ่อค้าผ่านมา แล้วเขาก็เข้าไปถาม ว่าอาไข่มาทำอะไร ตรงนี้ อาไข่ก็คิดอุบายจะออกไปโดยหลอกพ่อค้าว่าตนกำลังรักษาโรคตาแดง แล้วก็รักษาหายแล้ว ด้วย ความบังเอิญหรือเป็นคราวเคราะห์ ของพ่อค้าหรือเปล่าวก็ไม่มีใครทราบได้ ตอนนั้นพ่อค้าเป็นโรคตาแดงพอดีเลยอยากจะรักษา เลยขอไปอยู่ในกรงไม้ไผ่บ้าง ว่าแล้วพ่อค้า ก็ช่วยอาไข่ออกมาแล้วเข้าไปอยู่แทน แต่ไม่ทันไรอาไข่ก็ตักเชือกที่แขวนกรง ทำให้ พ่อค้าตกลงไปในแม่น้ำตาย ส่วนอาไข่ก็เอาทรัพย์ สมบัติของพ่อค้ามาจนกลายเป็นคนร่ำรวย

หลังจากนั้นอาไข่กลับเข้ามาในหมู่บ้านอีก เขาขี่ม้าของพ่อค้ามาแต่แล้วอานม้าก็เหวี่ยงไปโดนบ้านแม่ม่ายพัง แม่ม่ายเลยออกมา เรียก ค่าเสียหายแต่ก็ต้องแปลกใจที่อาไข่มีจ่ายให้ จากเหตุการณ์นี้ชาวบ้านต่างก็ประหลาดใจที่เขายังไม่ตายแถมยังรวยมหา-ศาล เลยเข้าไปถามและได้ความว่า การที่เอาเขาไปแขวนไว้ ทำให้เขาได้พบว่าใต้น้ำมีสมบัติเยอะแยะมากมาย ที่เขาได้มานั้น เป็นแค่ส่วนน้อยนัก พอ ได้ฟังดังนี้ชาวบ้านก็อยากได้สมบัติเลยถามอาไข่ว่าทำอย่างไรถึงจะได้สมบัติมา และแล้วด้วยความโลภ ทุกคนเลยหลงกลอาไข่ เอาน้ำเต้า ไปใส่สมบัติ ( น้ำเต้าของลาหู่จะไม่มีฝาปิด )

เมื่อไปถึงแม่น้ำ อาไข่ก็ให้ลงไปทีละคน เมื่อคนแรกลงไป ก็โบกมือห้ามไม่ให้เพื่อนคนอื่นมาเพราะน้ำลึกและตนกำลังจะจม น้ำเพราะ เมื่อน้ำเข้าไปในน้ำเต้าทำให้ตัวหนักและว่ายน้ำไม่ไหว แต่ด้วยระทางที่ห่างจากฝั่งทำให้พูดกันไม่รู้เรื่อง อาไข่เลยบอก ชาวบ้านไปว่า เห็นไหมว่าพวกเขาเจอสมบัติมากมาย กวักมือเรียกเพื่อนให้ตามไปใหญ่เลย จากนั้นทุกคนก็ทยอยตามไป แล้ว ก็จมน้ำตายกันหมด จนกระทั่งเหลือผู้เฒ่าคนสุดท้ายที่ยืนสูบบ้องยาอยู่ อาไข่เห็นก็เลยเดินมาถามว่าไม่ไปเอาสมบัติหรือ เห็น ไหมว่าทุกคนลงไปเอากันหมดแล้ว แต่ผู้เฒ่าบอกว่าตนไม่อยากไปแล้ว อาไข่ก็ขู่ว่าถ้าไม่ไปเอาสมบัติลูกเมียฃจะลำบากเพราะคน ที่ได้สมบัติเขาคงไม่แบ่งให้หรอก และแล้วผู้เฒ่าก็กระโดดลงไป สุดท้ายในหมู่บ้านก็เหลือแต่อาไข่ที่เป็นผู้ชาย ดังนั้นผู้หญิงทั้ง หมู่บ้านจึงกลายเป็นเมียอาไข่กันหมด

อาไข่จอมเจ้าเล่ห์ 2
ตอน อาไข่หลอกเทพเจ้า

ในกาลนั้น ยังมีเทพเจ้าชื่อ อาเต่ โลฟูโจ ท่านได้ยินชื่อเสียงในความเจ้าเล่ห์ของอาไข่ วันหนึ่งท่านก็เรียกอาไข่มาถามว่า เรื่องที่ได้ยินเป็นเรื่องจริงหรือ ถ้าจริงให้ลองโกหก จะโกหกด้วยวิธีใดก็ได้ที่ทำให้ทองที่อยู่ในปากของเทพเจ้าหลุดออกมา ถ้าทำได้ก็จะได้ทองไปทั้งหมดเลย ว่าแล้วเทพเจ้าอาเต่ก็หยิบกล้องยาสูบมาสูบ อาไข่เห็นดังนั้นเลยบอกว่าจะมาทำบุญโดยการ จุดไฟให้ที่กล้องยาสูบ แต่ก่อนที่จะจุดไฟ อาไข่ก็เอามือตัวเองไปป้ายกับอุจาระ แล้วจุดกล้องยาสูบโดยเอามือเข้าไปเฉียดโดน จมูกของเทพเจ้า เมื่อเทพเจ้าได้กลิ่นอุจาระก็อ้วกออกมาทันทีโดยลืมไปว่าได้บ้วนทองออกมาจากปากด้วย แต่พอรู้ตัวก็สายไป เสียแล้ว อย่างไรก็ตามเทพเจ้าอาเต่ก็ไม่ยอมรับ พลางบอกให้อาไข่เอาทองคืนมา แต่อาไข่บอกว่าสัญญาต้องเป็นสัญญา ท่าน เป็นถึงเทพเจ้า ต้องรักษาสัญญา ดังนั้น ทองที่อยู่ในปากของเทพเจ้าอาเต่จึงเป็นของอาไข่ทั้งหมด

อาไข่จอมเจ้าเล่ห์ 3
ตอน เพื่อนอาไข่ลองของ
อาไข่มีเพื่อนอยู่คนหนึ่ง วันหนึ่งเพื่อนของเขาอยากลองภูมิว่าอาไข่จะฉลาดจริงหรือเปล่า เลยออกอุบายว่าถ้าอาไข่หลอกจับ นมเมียเศรษฐีได้จะให้เงิน 30 แถบ ( เงินแถบ คือเงินที่ใช้ในอินเดีย ) วันต่อมาอาไข่ก็ไปหาเมียเศรษฐีแล้วบอกนางว่า ตน เป็นโรคตาแดง อยากจะได้น้ำนมของนางมารักษา ( ลาหู่เชื่อว่า น้ำนมเป็นยารักษาโรคชนิดหนึ่ง ) เมื่อเห็นชาวบ้านลำบาก นางก็เลย ให้การช่วยเหลือ บีบนมใส่ที่ตาให้ แต่อาไข่ก็บอกว่านางใส่ยังไม่ทั่วตาเลย ให้ตนใส่เองจะดีกว่า เพราะเป็นตาของตน เขารู้ว่าเขาเจ็บตรงไหนบ้าง ว่าแล้วนางก็หลงกลอาไข่ เมื่อนางตกลงอาไข่ก็จับนมนางบีบทันทีพลางเรียกเพื่อนมาให้ดูด้วย เมื่อ เพื่อนอาไข่เดินมาเห็นถึงได้เชื่อและนับถือในความฉลาด ( แกมโกง ) ของอาไข่ทันที นอกจากนั้นเขายังต้องเสียเงินให้อาไข่ อีกด้วยถึง 30 แถบ