วันที่เอกสารถูกสร้าง: 
03/10/2008
ที่มา: 
เว็บไซต์ล้านนาคดี http://lanna.mju.ac.th/ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ "ทุกภาพ ทุกตัวอักษร มอบเป็นวิทยาทานแด่ทุกท่าน"

ผีตองเหลือง

 


   
ผีตองเหลือง เป็นชื่อของชนเผ่าหนึ่งที่มีลักษณะเป็นคนป่า มักร่อนเร่อยู่ตามป่าลึก คำว่า ผีตองเหลือง เป็น ชื่อที่คนกลุ่มอื่นเรียกชนเผ่านี้โดยเรียกตามวัสดุที่ใช้มุงหลังคา คือ ใบตอง เมื่อใบไม้ใบตองที่มุงหลังคาหรือทำเป็นซุ้ม เปลี่ยนเป็นสีเหลืองแล้วคนเหล่านี้ก็จะย้ายไปอยู่ที่อื่นต่อไป

DT.H Barnatzik ชาวออสเตรียสำรวจพบ ผีตองเหลือง เมื่อ พ . ศ . ๒๔๗๙ ในดงทึบเขตจังหวัดน่าน คนกลุ่มนี้เรียกตัวเองว่า “ ยำบรี ” สันนิษฐานว่าเป็นพวกกับ ผีตองเหลือง ที่ คณะสำรจวจของสยามสมาคมซึ่งมี นายไกรศรี นิมมานเหมินท์ เป็นหัวหน้าค้นพบเมื่อวันที่ ๑๐ สิงหาคม พ . ศ . ๒๕๐๕ ครั้งนั้นนายไกรศรี นิมมานเหมินท์ ว่าชนกลุ่มนี้เรียกตัวเองว่า “ มระบรี ” ทำเพิงอาศัยอยู่ที่ริมห้วยน้ำท่า ทางตะวันตกเฉียงใต้ของจังหวัดน่าน ก่อนนี้ Mr.Oliver Gordon Young รายงานว่าชาวแม้วและชาวมูเซอที่ดอยเวียงผา อ . พร้าว จ . เชียงใหม่ ได้พบ ผีตองเหลือง ในเขตของตนและว่าพวกนี้พูดภาษาว้ากับเรียกตนเองว่า “ โพล ” การที่เรียกตัวเองว่า “ มระบรี มราบรี ” เพราะคำนี้แปลว่าคนป่า “ มรา ” แปลว่า คน “ บรี ” แปลว่า ป่า

กล่าวกันว่าผีตองเหลืองเป็นชนเผ่าหนึ่งที่มีถิ่นฐานเดิมอยู่ในเขตจังหวัดไซยะบุรี ประเทศลาว ปัจจุบันอาศัยอยู่ตามภาคเหนือของประเทศไทย อาทิ อำเภอเมือง อำเภอร้องกวาง อำเภอสอง จังหวัดแพร่ และอำเภอสา จังหวัดน่าน ถิ่นที่อยู่ของ ผีตองเหลือง มัก จะเป็นเขตชุ่มชื้น ตามความลาดของไหล่เขาอยู่สูงจากระดับน้ำทะเลราวๆ ๓ , ๐๐๐ ฟุตขึ้นไป และตั้งที่พักใกล้แหล่งน้ำเพื่อประโยชน์ในการอุปโภคบริโภคตลอดจนสามารถหา กุ้ง ปู ปลา และสัตว์น้ำต่างๆ มาประกอบเป็นอาหารได้

สำหรับรูปร่างลักษณะของผีตองเหลือง
คือ รูปร่างเล็กแต่แข็งแรง บ้างว่าเหมือนคนทางภาคเหนือของประเทศไทยแต่ผิวคล้ำกว่า เครื่องนุ่งห่มมีแต่ผ้าเตี่ยวผืนเดียวและผ้านุ้งนี้จะใช้ก็ต่อเมื่อจำเป็น ต้องเข้ามาในหมู่บ้านเพื่อเอาของป่ามาแลกกับข้าวสาร เกลือและของใช้ที่จำเป็น เช่น มีดหรือหอกเท่านั้น เพราะโดยปกตหากอยู่ในกลุ่มพวกพ้องพวกเขาจะเปลือยกาย

นอกจากนี้ ผีตองเหลือง ไม่เคยกังวลเรื่องรายได้เพราะพวกเขาไม่มีความรู้ความเข้าใจในเรื่องเงินเลย แม้แต่นับจำนวนก็จะได้อย่างมากแค่สามเท่านั้น

  • การดำรงชีวิตของผีตองเหลือง ขึ้นอยู่กับเนื้อสัตว์ที่ล่ามาได้ไม่ว่าจะเป็นสัตว์เล็กหรือใหญ่รวมทั้งหนู งู เม่น และผึ้งป่า สำหรับผักก็เป็นจำพวกถั่ว ลูกไม้และรากไม้ที่ขุดหามาได้พวกเขาไม่เคยทำไร่ไถนาและไม่เคยปลูกพืชผักใดๆ อาวุธที่ ผีตองเหลือง ใช้คือหอกด้ามยาวซึ่งใช้แทงเท่านั้น เพราะเขาพุ่งหอกไม่เป็น กล่าวกันว่าหอกขิงชนกลุ่มนี้ยาวไม่น้อยกว่า ๑๒ ฟุต นอกจากนี้ ผีตองเหลือง ยังมีความชำนาญในการล่าหมูป่า แม้แต่ชาวมูเซอที่ได้ชื่อว่าเป็นพรานฝีมือฉกาจยังต้องยอมยกให้ ผีตองเหลือง เพราะ เวลาที่ออกล่าหมูป่า พวกเขานี้จะเอาขี้หมูมาทาตัวก่อน เมื่อเข้าใกล้ฝูงหมูป่า พวกมันจะไม่รู้สึกตัวเลยจนกระทั่งถูกแทงด้วยหอกในระยะประชิดตัวโดยฝีมือของ ผีตองเหลือง ชาว ผีตองเหลือง มีความเชื่อคล้ายกับชาวเขาเผ่าอื่นๆซึ่งเกี่ยวกับสิ่งลึกลับ เช่น ภูตผีปีศาจ และวิญญาณต่างๆ โดยเชื่อว่าสิ่งเหล่านี้มีอำนาจเหนือวิถีชีวิตของพวกเรา จึงมีการเส้นบวงสรวงสิ่งต่างๆ เมื่อเจ็บไข้ได้ป่วย อนึ่ง ในคืนวันที่พระจันทร์เต็มดวง ผีตองเหลือง จะทำพิธีถวายเครื่องเซ่นแก่ผีทั้งหลายที่พวกเขานับถือ แล้วจะมีงานรื่นเริง พวกเขาจะเต้นรำไปรอบๆ หอกประจำตัวของแต่ละคนที่นำมาตั้งรวมกันไว้กลางวง การเต้นรำของพวกเขาเป็นเพียงการเดินโยกตัวไปมารอบๆ วง พร้อมกับพลิกมือไปมา ขณะที่โยกตัวก็จะมีการพึมพำเนื้อเพลงไปด้วย สำหรับเนื้อเพลงก็คล้ายกับเพลงของพวกโยนกโบราณ คนที่ไม่ร่วมเต้นรำก็จะล้อมวงปรบมือให้จังหวะเมื่อดึกมากเข้า จึงแยกย้ายกันไปนอนหลับ


นอกจากนี้ ผีตองเหลือง ยัง ได้รับการปลูกฝังจากบรรพชนมาเป็นเวลาช้านาน ว่าหากอยู่เป็นหลักแหล่งโดยไม่โยกย้ายไปไหน ผีร้ายจะส่งเสือให้มาคร่าทำลายพวกเขา จึงต้องย้ายที่อยู่เกือบทุก ๕ – ๑๐ วัน ซึ่งการปฏิบัติตามความเชื่อนี้สอดคล้องกับหลักความสมดุลและหลักทางวิชาการ บางประการ นั่นคือ อาหารที่มีอยู่รอบบริเวณที่พัก ลดน้อยลง ก็จะย้ายไปหาที่อยู่แห่งใหม่ที่มีความอุดมสมบูรณ์มากกว่า

ลักษณะเพิงที่พักของชนเผ่า ผีตองเหลือง คล้าย กับเพิงหมาแหงนแต่ภายในไม่มีการยกพื้น และปลูกแคร่คร่อมดิน เหมือนเพลิงหมาแหงนโดยทั่วไป ท้ายเพิงมักจะสูงกว่าหน้าเพิงพัก ใช้พื้นดินเป็นพื้นเพิงและนำหญ้าฟางแห้งหรือใบตองมาปูบนพื้น เวลานอนจะไม่หนุนหมอน แต่ตะแคงหูแนบพื้น เพื่อให้สามารถได้ยินฝีเท้าคนหรือสัตว์ที่เข้ามาใกล้เพิงพักได้ พวกผู้หญิงและเด็กจะอยู่ในกระท่อมที่สร้างบนภูเขาสูง เมื่อพวกผู้ชายไปล่าสัตว์หาของป่า หรืออาหารได้เพียงพอแล้ว จึงจะกลับไปหาลูกเมียครั้งหนึ่ง

ด้านสุขนิสัยนั้น ผีตองเหลือง มัก จะขับถ่ายตามสุมทุมพุ่มไม้รอบเพิงพัก เมื่อเกิดโรคระบาดจึงสามารถแพร่เชื้อได้อย่างรวดเร็ว การย้ายแหล่งที่อยู่อาศัยไปยังแห่งใหม่จึงช่วยบรรเทาการระบาดของโรคได้ ในการย้ายที่อยู่จะเริ่มตั้งแต่เช้าตรู่ เมื่อพระอาทิตย์โผล่พ้นขอบฟ้า และจะหยุดสร้างที่พักก่อนตะวันจะลับฟ้าด้วยเกรงว่าจะเกิดอันตรายจากการเดิน ทางและสัตว์ป่าต่าง ๆ

ในกรณีที่สมาชิกคนหนึ่งคนใดเสียชีวิต ญาติพี่น้องจะช่วยกันทำศพ โดยนำศพไปวางบนแคร่ที่สร้างไว้บนต้นไม้ใหญ่เพื่อป้องกันสัตว์ร้าย เช่น เสือมาขุดคุ้ยกินศพ เพราะเชื่อว่าถ้าเสือได้กินศพแล้วอาจติดใจและจำกลิ่นเนื้อคนได้ ต่อมาพบว่ามีการฝังศพแทนการทิ้งศพดังกล่าว และภายหลังจากการฝังศพแล้วจะโยกย้ายที่อยู่อาศัยทันที ไม่ว่าจะเป็นช่วงเวลาไหนของวันก็ตาม การสร้างที่พักจึงเป็นแบบเพิงชั่วคราว เนืองจากมีการเคลื่อนย้ายที่อยู่บ่อย ๆ นั่นเอง

ธรรมเนียมอย่างหนึ่งของ ผีตองเหลือง คือ ชายหญิงทุกคนต้องเจาะหูทั้งสองข้างตั้งแต่เด็ก รูหูที่เจาะมีขนาดประมาณ 0. ๕ - ๑ . ๐ เซนติเมตร โดยใช้ไม้ไผ่เหลากลมปลายแหลมแทงลงไปบนเนื้ออ่อนบริเวณติ่งหู สมัยก่อนมักจะนำดอกไม้มาเสียบไว้ในรูหูเพื่อเป็นการประดับร่างกาย แต่ในปัจจุบันเมื่อติดต่อกับชนเผ่าอื่น ๆ เช่น ม้งหรือเย้า ทำให้ธรรมเนียมนี้ลดความนิยมลงไป แต่ก็ยังมีปรากฏให้เห็นบ้างประปราย

ในจำนวนชาวเขาเผ่าต่าง ๆ ผีตองเหลืองชอบติดต่อแลกเปลี่ยนของป่ากับพวกแม้วและมูเซอเท่านั้น สำหรับชาวเขาเผ่าอื่นนั้น พวกเขาจะไม่กล้าเข้าไปหา เคยมีเรื่องเล่าว่ามีชาวเขาเผ่าอื่นที่ไม่รู้จักผีตองเหลือง เมื่อเห็นพวกเขาเข้าไปในถิ่นของตนจึงยิงเอา อนึ่ง ชาวเขาหลายเผ่าเชื่อว่าพวกผีตองเหลืองเป็น “ ผี ” จริง ๆ ไม่ใช่คน และเชื่อว่าผีเหล่านี้จะนำความหายนะมาสู่ตน ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ติดต่อกับผีตองเหลือง ทว่า ผีตองเหลืองสามารถอาศัยอยู่ใกล้ ๆ กับหมู่บ้านของชาวเขากลุ่มนั้น โดยที่พวกเขาไม่มีโอกาสรู้เลย


แม้ว่าชนกลุ่มน้อยเผ่าอื่นจะรับเอา ความเจริญจากสังคมพื้นราบเข้าไป ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรมตลอดจนวิถีความเป็นอยู่ต่าง ๆ แต่สำหรับผีตองเหลืองการเปลี่ยนแปลงยังคงมีน้อย สามารถรักษาวิถีชีวิตแบบเก่า ๆไว้ได้ ทั้งนี้อาจเป็นเพราะการย้ายที่อยู่บ่อย จึงไม่ค่อยได้สมาคมกับคนภายนอกเผ่า อีกทั้งอิทธิพลความเชื่อถือที่ยึดมั่นมาตั้งแต่ครั้งอดีตยังฝังอยู่ในจิตใจ ของชนกลุ่มนี้อย่างเหนียวแน่น ปัจจุบันนี้ ประมาณกันว่าจำนวนของผีตองเหลืองในประเทศไทยมีไม่เกิน ๑๕๐ คน จึงนับว่าพวกเขาเป็นชนกลุ่มน้อยที่มีจำนวนน้อยที่สุดในประเทศไทย