วันที่เอกสารถูกสร้าง: 
06/11/2008
ที่มา: 
เว็บไซต์ล้านนาคดี http://lanna.mju.ac.th/ "ทุกภาพ ทุกตัวอักษร มอบเป็นวิทยาทานแด่ทุกท่าน"

นิทานล้านนา เรื่อง ปู่อ้ายท้ายเลิ้ก

เจี้ย(นิทานสั้น ๆ)เรื่องนี้เป็นเรื่องที่คนพื้นเมืองเชียงใหม่เล่ากันมาหลายชั่วคนแล้วเรื่อง มีอยู่ว่า ยังมีชายคนหนึ่งชื่อว่า ปู่อ้ายท้ายเลิ้ก รูปร่างสูงใหญ่มาก ส่วนลุ่ม ( ล่าง ) ตั้งแต่เอวลงไปถึงเท้ายาวมาก แต่ส่วนบนตั้งแต่เอวขึ้นไปถึงหัวสั้น จึงมีชื่อว่า ปู่อ้ายท้ายเลิ้ก แต่บางคนก็เรียกว่า ‘' บ่าอ้ายโง้มฟ้า ‘' เพราะเหตุว่ารูปร่างสูงมากเวลายืนคืบเดียวหัวจะถึงฟ้า ปู่อ้ายท้ายเลิ้กยังเป็นคนมีกำลังวังชาแข็งแรงสมกับรูปร่างสูงใหญ่ สามารถยกดอย ( ภูเขา ) หรือจะผลักดอยให้เคลื่อนไปมาก็ทำได้ด้วยกำลัง

ปู่อ้ายท้ายเลิ้กเที่ยวหากินอยู่หลายหัวเมือง อยู่มาวันหนึ่งไปดักไก่ที่เชียงรายเพราะเขาลือกันว่ามีไก่ป่าชุมนัก ก็เอากุ่มไก่ ( ที่ดักไก่ ) ไปคอยดักอยู่ที่นั่น จึงเรียกชื่อที่ตรงไปดักไก่ที่เชียงรายนั้นว่า ‘' ดอยกุ่มไก่ ‘' มาจนทุกวันนี้ ชาวเมืองเชียงรายโกรธที่ปู้อ้ายท้ายเลิ้กแอบไปดักไก่ถึงบ้านถึงเมืองของตน เอาไก่ไปหมด ก็จะเอาชีวิตเสียให้ได้ ปู่อ้ายท้ายเลิ้กจึงต้องหนีไปแอบหมอบอยู่ที่เมืองลี้ ที่จังหวัดลำพูนเดี่ยวนี้ ที่ต้องหมอบหนีก็เพราะว่าตัวสูง ยืนขึ้นเมื่อใดคนเห็นได้ชัด

ปู่อ้ายท้ายเลิ้กอยู่ไม่นานก็ต้องไปหากินอีก คราวนี้ไปจ่อม ( ตก ) เบ็ดขึ้นมา แต่สาวเบ็ดแรงเกินไป ปลาหลุดจากเบ็ดไปติดอยู่กับที่หน้าผาข้างฝั่งแม่ปิง ซึ่งเวลานี้เรียกว่า ‘' ผาแมว ‘'

อยู่ที่อำเภอฮอด เมืองเชียงใหม่ ถ้าใครเดินเรือผ่านไปมาก็จะเห็นรูปปลาตัวนั้นติดอยู่ที่หน้าผาแมวริมแม่น้ำปิงนั่นแหละ

ปู่อ้ายท้ายเลิ้กรูปร่างใหญ่ มีกำลังแข็งแรงมากจริง แต่ก็ยังมีผู้ปราบได้ ผู้ที่สามารถปราบปู่อ้ายท้ายเลิ้กได้นี้มีชื่อว่า ‘' ไอ้ข้าวเจ็ดไห ‘' เรื่องมีอยู่ว่า ตั้งแต่ไอ้ข้าวเจ็ดไหมันเกิดมา พอตกฟากฟากเรือนหัก ตัวมันตกลงไปใส่ปากควายน้อย ( ตกทับลูกควาย ) ยืนอยู่ใต้ถุนข้างล่างตายไปตัวหนึ่งแต่อ้ายข้าวเจ็ดไหไม่เจ็บปวดอะไรเลย พอมันลุกขึ้นไปในครัว ล้วงหม้อกินข้าวหมดทั้งไห ก็ยังไม่อิ่ม พ่อจึงเอาข้าวหม่า ( ข้าวที่แช่ไว้ ) มานึ่งให้กินสิ้นข้าวไปเจ็ดไหจึงอิ่ม พ่อจึงเอาข้าวหม่า ( ข้าวที่แช่ไว้ ) มานึ่งให้กินสิ้นข้าวไปเจ็ดไหจึงอิ่มพอดี พ่อจึงตั้งชื่อมันว่า ‘' ไอ้ข้าวเจ็ดไห ‘' แต่นั้นมา

ไอ้ข้าวเจ็ดไหเติบโตขึ้นทุกวัน กิ่นล้ำกิ่นเหลือ สิ้นเปลือง เหลือกำลังพ่อแม่จะทำมาหาเลี้ยงได้ พ่อคิดว่าขืนเลี้ยงลูกคนนี้ไว้ต่อไปก็ฉิบหายวายวอด ตัวเองก็ต้องอดตายทั้งผัวทั้งเมีย อยู่มาวันหนึ่งพ่อมันจึงออกอุบายกับลูกของมันว่า ‘' ไอ้น้อย ป้อจะไปฟันไม้ในป่า พอค่ำเจ้าไปเที่ยวตามหาป้อว่าอยู่ที่ไหน จะได้ช่วยกันแบกขนไม้มาแปงเฮือน ป้อคนเดียวแบกบ่ไหว ‘'

ไอ้ข้าวเจ็ดไหรับคำพ่อมัน พ่อก็แบกขวานเข้าไปเที่ยวเลือกหาต้นไม้ใหญ่ที่สุดในป่านั้น ขนาดคนสามคนอ้อมไม่รอบ ฟันลงได้แล้วละไว้ แล้วพ่อก็กลับไปบ้าน ยังมีพ่อค้างัวต่างพากันมาพักที่ต้นไม้นั้น เอาข้าวของต่าง ๆ วางไว้เกลื่อนกลาดบนต้นไม้ของพ่อไอ้ข้าวเจ็ดไห พอไอ้ข้าวเจ็ดไหมาถึงที่นั่นก็ร้องบอกกับหมู่พ่อค้าค้างัวต่างว่า ‘' พ่อลุง ขอย้ายครัวของลุงไปหน่อยเต๊อะ พ่อข้าฟันต้นไม้ต้นนี้ไว้ ข้าจะแบกเอาไปบ้าน ‘' ฝ่ายพวกพ่อค้าก็นึกว่าไอ้ข้าวเจ็ดไหพูดเล่น เพราะตัวมันยังเป็นเด็กเล็กจะแบกไม้ใหญ่เท่านั้นอย่างไรไหว ก็เลยพูดเล่นต่อไปบ้างว่า ‘' เออไอ้น้อย ถ้าเจ้าแบกต้นไม้นั้นไหกวก็เอาไปให้หมดเต๊อะ ข้าวของเหล่านั้นของพวกข้า ข้าให้ไอ้น้อยเป็นรางวัลทั้งหมดนั่นแหละไอ้ข้าวเจ็ดไหได้ยินดังนั้นก็ยก ต้นไม้ใส่บ่าพร้อมกับครัวของพ่อค้างงัวต่างทั้งหมดแบกเอาไปบ้าน

ส่วนพ่อไอ้ข้าวเจ็ดไหเห็นลูกแบกต้นไม้ใหญ่มาถึงเรือน ไม่ทับมันตายเหมือนหมายใจเอาไว้ยิ่งกลัวลูกของมันเอง นึกว่าเป็นยักษ์มารมาเกิด ถ้าขืนเลี้ยงเอาไว้ต่อไปก็อาจจะเป็นอันตรายแต้วเองได้ พอดีนึกขึ้นได้ถึงปู่อ้ายท้ายเลิ้ก ก็คิดได้ว่าจะทำอย่างไรจึงจะกำจัดไอ้ข้าวเจ็ดไหได้

เมื่อคิดอย่างนั้นแล้วก็เรียกลูกของมันมาบอกว่า ‘' ไอ้น้อย เจ้าจงไปหาปู่อ้ายท้ายเลิ้กให้พ่อสักหน่อยเต๊อะ บอกว่าให้มาทวงหนี้ มันเป็นหนี้อยู่ช้านานนักหนาแล้ว '' พ่อออกอุบายอย่างนี้ด้วยหมายจะยืมมือปู่อ้ายท้ายเลิ้กฆ่าลูกเสีย เพราะคนมีกำลังมากพอ ๆ กับไอ้ข้าวเจ๊ดไหก็มีแต่ปู่อ้ายท้ายเลิ้กเท่านั้น

ส่วนไอ้ข้าวเจ็ดไปนั้นนึกว่าเป็นความจริงตามที่พ่อพูด ก็ออกเดินทางไปทวงหนี้ให้พ่อ เที่ยวตามหาปู่อ้ายท้ายเลิ้กว่าอยู่ที่แห่งใด ระหว่างทางนั้นก็พบไอ้นาตาเลิ้ก เป็นคนที่เบ้าตาลึกมาก เก็บได้สามตะกร้าเต็ม ๆ ไอ้นาตาเลิ้กเห็นไอ้ข้าวเจ็ดไหเดินเซอะซังมาแต่คนเดียวก็ถามว่า ‘'

สหายเจ้าจะไปไหนนั้น ‘' ไอ้ข้าวเจ็ดไหก็ตอบว่า ‘' ข้าจะไปทวงหนี้ที่ปู่อ้ายท่ยเลิ้ก เจ้าจะไปเที่ยวกับข้าด้วยไหม ‘' ไอ้นาตาเลิ้กก็ตอบตกลงว่าจะไปด้วย ทั้งสองก็พากันเดินไป ตกเย็นรู้สึกหิวกันทั้งสองคนจึงเที่ยวหาอาหารกินอะไรก้ไม่มีให้ประทังชีวิต เลย เห็นแต่จิ้งหรีดกระโดดหยองแหยงอยู่ตัวหนึ่ง ก็ช่วยกันจับ แต่จิ้งหรีดไวหว่าวิ่งหนีลงรูไป ไอ้ข้าวเจ็ดไหกับไอ้นาตาเลิ้กจึงต้องช่วยกันขุดรูจิ้งหรีด ขุดลึกลงไปตั้งวากว่าจึงเห็นขาจิ้งหรีดดุก ๆ ดิก ๆ อยู่ไหว ๆ ก็ช่วยกันจับไว้ ดึงเอาจิ้งหรีดขึ้นมา ไอ้นาตาเลิ้กเสียท่าถูกจิ้งหรีดดีดกระเด็นไปตกข้มเขาไปสามลูก แต่ยังดีได้ขาจิ้งหรีดข้างนั้นติดมือมาด้วย ส่วนไอ้ข้าวเจ็ดไหจับจิ้งกรีดไม่ได้ จึงไม่ได้อะไรเลย ต้องตามไอ้นาตาเลิ้กไปเอาขาจิ้งหรีดข้างนั้นติดมือมาด้วย ส่วนไอ้ข้าวเจ็ดไหจับจิ้งหรีดไม่ได้ จึงไม่ได้อะไรเลย ต้องตามไอ้นาตาเลิ้กไปเอาขาจิ้งหรีดข้างเดียวนั้นจี่แบ่งกันกินสองคน

ได้อาหารกินพอแรงแล้วก็พากันเดินทางต่อไปอีกสามวันสามคืนก็ถึงที่อยู่ของปุ่ อ้ายท้ายเลิ้กขณะที่สองคนนั้นไปถึง ปู่อ้ายท้ายเลิ้กกำลังนอนขวางแม่ปิง หยอกนางแก้วที่อาบน้ำอยู่ที่ตีนดอย ที่เรียกกันเวลานี้ว่า ‘' ดอยนางแก้ว ‘' อยู่ทางใต้อำเภอฮอด เมืองเชียงใหม่นั่นแหละ

พอพบ ปู่อ้ายท้ายเลิ้กแล้วไอ้ข้าวเจ็ดไหก็ทวงหนี้ตามคำที่พ่อบอกมา ปู่อ้ายท้ายเลิ้กก็แปลกใจแต่ยังสนุกที่จะหยอกนางแก้วเล่น ไม่อยากให้ใครมากวน จึงแกล้งจุ๊ไอ้ข้าวเจ็ดไหไปเสียให้พ้น ๆว่า ‘' เงินมีอยู่นอกชานบ้าน เองไปหยิบเอาของเองเต๊อะ ''

ไอ้ข้าวเจ็ดไหก็ไปยังเรือนปู่อ้ายท้ายเลิ้ก เที่ยวหาเงินวนเวียนอยู่จนหัวหรอก หาตลอดหัวชานท้ายชานหลายตลบก็ไม่ได้เงินอย่างที่ปู่อ้ายท้ายเลิ้กบอก จึงโกรธปู่อ้ายท้ายเลิ้กมากและกลับมาต่อว่า แล้วท้าให้มาลองฤทธิ์กัน โดยจะให้ปู่อ้ายท้ายเลิ้กอุ้มมันตอกลงดิน ( กระแทกลงดิน ) ให้มิดจมไป ถ้าไอ้ข้าวเจ็ดไหกลับขึ้นมาได้ จะเอาตัวปู่อ้ายท้ายเลิ้กตอกลงดินให้จมมิดบ้าง ถ้าปู่อ้ายท้ายเลิ้กกลับขึ้นมาไม่ได้ก็จะเอาภูเขามาทับให้ตายอยู่ใต้นั้น เสียเลย

เมื่อตกลงอย่างนี้แล้ว ปู่อ้ายท้ายเลิ้กก็อุ้มไอ้ข้าวเจ็ดไหกระแทกกับดินจมลงไปเหลือแค่คอแต่มันมี กำลังมากค่อย ๆ เขยิบตัวออกมาได้ทีละน้อย ๆ พอหลุดพ้นตัวแล้วก็ไปเอาตัวปู่อ้ายท้ายเลิ้กตอกลงดินบ้าง ก็ลงไปได้แค่คอเหมือนกัน ปู่อ้ายท้ายเลิ้กพยายามเขยิบตัวออก แต่ไม่อาจเขยิบตัวให้หลุดพ้นดินขึ้นมาได้ ไอ้ข้าวเจ็ดไหจึงไปเลื่อนดอยมาทับปู่อ้ายท้ายเลิ้กก็ตามอยู่นั้นเอง เวลานี้เขาลูกนั้นเรียกว่า ‘' ผาหมอน ‘' ชีวิตปู่อ้ายท้ายเลิ้กผู้มีกำลังแข็งแรงก็จบลงแค่นั้น

ข้อคิดที่ได้จากนิทานเรื่องนี้

- ได้รับความสนุกสนานเพลิดเพลิน

- เพื่อให้รู้จักสถานที่ต่าง ๆ ของภาคเหนือในลักษณะที่เป็นตำนาน

- เป็นเรื่องของผู้ที่ใช้กำลัง ไม่มีความคิด

คติ

‘' ท่านว่าเหนือแล้ว ยังมีผู้ที่เหนือกว่า ‘'

‘' เหนือฟ้ายังมีฟ้า ‘'