ศาสนาพุทธต่างจากศาสนาอื่นอย่างไร

วันที่เอกสารถูกสร้าง: 
28/11/2008
ที่มา: 
www.tlcthai.com www.vcharkarn.com

ศาสนาพุทธต่างจากศาสนาอื่นอย่างไร
 

มีหัวข้อดังนี้
        เป้าหมายที่แท้จริงของพระพุทธศาสนา
        เรื่องความเชื่อ
        เปรียบเทียบศาสนา (จุดหมายสูงสุดและวิธีการเข้าถึง)
        ทำไมศาสนาทั้งหลายสอนไม่เหมือนกัน
        คำสอนของศาสดาทั้งหมด กล่าวถูกต้องหรือไม่
        วิเคราะห์ศาสนาอื่นด้วยหลักของพุทธศาสนา
        วัฏจักร และ จุดจบของโลก ในทรรศนะของพระพุทธศาสนา
        โลกล้าง กับโลกแตก แตกต่างกัน
        ทำไมพระพุทธเจ้าไม่สอนเรื่อง “พระเจ้า” และ “พระผู้สร้าง” ?
        พระพุทธเจ้าไม่ตอบเรื่อง “สร้างโลก” เพราะไม่มีความรู้..??

-------------ตัวอย่างเนื้อหาสาระ------------
เป้าหมายที่แท้จริงของพระพุทธศาสนา
        คำสอนของพุทธศาสนาต่างจากศาสนาอื่น  คือ  คำสอนของศาสนาอื่นนั้นเป็นคำสั่งสำเร็จรูปที่ ศาสนิกจะต้องทำตาม
ให้เทพเจ้าพึงพอใจสถานเดียว ใครไม่ทำตามจะถูกลงโทษจากเทพเจ้าเบื้องบนโดยการให้ตกนรกไปตลอดกาล[1]
แต่คำสอนของพุทธศาสนาเป็นเพียงการนำกฏความจริงของธรรมชาติมาบอกเท่านั้น พระพุทธเจ้าไม่ใช่ผู้สร้างกฏ
หรือผู้บังคับผู้คนให้ต้องทำตามกฏ
เรื่องความเชื่อ
เรื่องความเชื่อ พระโพธิญาณ(ชา สุภทฺโท) เคยให้ทัสนะไว้ ดังนี้
         ครั้งหนึ่งมีคนกลุ่มหนึ่งมาถามปัญหาท่านอาจารย์ชา (หลวงพ่อชา วัดหนองป่าพง อุบลราชธานี) เรื่องชาติหน้าภพหน้า เขาสงสัยว่า คนตายแล้วเกิดหรือไม่?
              ผู้ถาม : หลวงพ่อครับ ชาติหน้ามีจริงไหม?
           ท่านอาจารย์ชา : ถ้าบอกจะเชื่อไหมล่ะ?
         ผู้ถาม : เชื่อ
            ท่านอาจารย์ชา : ถ้าเชื่อ......คุณก็โง่
              ผู้ถาม : คนตายแล้วเกิดไหม?
              ท่านอาจารย์ชา : จะเชื่อไหมล่ะ? ถ้าเชื่อ......คุณโง่หรือฉลาด?  [20]
 

เปรียบเทียบศาสนา
จุดหมายสูงสุด
๑.  อิสลาม       -  สวรรค์ คือ ดินแดนที่จะได้รับความสุขตามที่พระฮัลลาห์จะ  ประทานให้ เช่นจะได้หญิงสาวสวยตาโตเป็นภริยา[7] เป็นต้น
๒.  คริสต์         -  สวรรค์ คือ ดินแดนที่มีแต่ความสุขตามแต่พระยะโฮวาห์จะมอบให้
๓.  พราหมน์     -  พรหมัน คือสภาวะดั้งเดิมของสรรพสิ่งมีความบริสุทธิ์สูงสุด
๔.  พุทธ          -  นิพพาน คือ สภาวะที่บริสุทธิ์สูงสุด ไม่มีการเกิด จึงไม่มีการแก่ /ตาย

วิธีการเข้าถึง
๑. อิสลาม       ต้องมีศรัทธาไม่หวั่นไหวทำความดีตามพระประสงค์ของพระอัลลอร์  ต้องสรรเสริญพระองค์บ่อย ๆ
๒. คริสต์         ต้องมีศรัทธามั่นคงห้ามสงสัย  ทำความดีตามพระประสงค์ของพระเจ้า    เน้นรักผู้อื่น  ต้องอ้อนวอนและสรรเสริญพระองค์บ่อย ๆ[8]                  
๓.  พราหมณ์    ทำตามหน้าที่อย่างเคร่งครัด ปฏิบัติภาวนาถึงขั้นอรูปฌาน
๔.  พุทธ         ไม่จำเป็นต้องมีศรัทธา จึงไม่มีการอ้อนวอนร้องขอ[9]  แต่ท้าให้มาพิสูจน์ความจริงด้วยตนเอง 
โดยการปฏิบัติจิตภาวนาอย่างเคร่งครัด จากนั้นส่งจิตพิจารณาองค์ฌาน จนเกิดเป็นสภาวะญาณ เกิดวิปัสสนาญาณ ๑๖ ขั้น
เข้าถึง “พระนิพพาน”อย่างสมบูรณ์


 

ก่อนอื่นขอให้เข้าใจก่อนว่า  หลักคำสอนของทุกศาสนาเป็นสัจจะ ความจริงด้วยกันทั้งสิ้น    ผู้ที่เชื่อพระฮัลลาห์ทำตามคำ
สั่งสอนของพระองค์จะได้ขึ้นสวรรค์จริง     ผู้ที่เชื่อพระยะโฮวาห์ทำตามคำสั่งสอนของพระองค์จะได้ไปอยู่ในแดนสวรรค์จริง   
ผู้ที่เชื่อพรหมันทำตามหน้าที่อย่างเคร่งครัด เจริญภาวนาถึงขั้นอรูป ฌานจะเข้าถึงพรหมันจริง

ทำไมศาสนาทั้งหลายสอนไม่เหมือนกัน
        ถาม : ทำไมศาสนาทั้งหลายสอนไม่เหมือนกัน  มีความเชื่อไม่เหมือนกันและปฏิบัติไม่เหมือนกัน
        ตอบ  : ที่จริงแล้ว  ความจริงและความบริสุทธิ์สูงสุดมีเพียงหนึ่งเดียว    แต่ที่ศาสนาทั้งหลายสอนต่างกัน  
เพราะศาสดาของแต่ละศาสนาเข้าถึงความจริงได้ไม่เท่ากัน    ถ้าสมมติว่าความจริงสูงสุด คือ ช้าง    ศาสดาที่จับถูกหางก็
บอกว่า “หางนี่แหละคือ ช้าง ”    ศาสดาที่จับถูกงวงก็บอกว่า“งวงนี่แหละคือ ช้าง ”     ศาสดาที่จับถูกหูก็บอกว่า
“หูนี่แหละคือ ช้าง ”  ศาสดาที่คลำทั่วทั้งตัวก็บอกว่า “ทั้งตัวนี่ แหละคือ ช้าง ”[10]

คำสอนของศาสดาทั้งหมด กล่าวถูกต้องหรือไม่
        ถาม  : คำสอนของศาสดาทั้งหมด กล่าวถูกต้องหรือไม่ ?
        ตอบ  : ศาสดาทุกท่านกล่าวถูกหมด  ไม่มีใครกล่าวผิดแม้แต่ท่านเดียว  เพราะหูก็คือช้าง  งวงก็คือช้าง  หางก็คือช้าง   
เพียงแต่ศาสดาบางท่านรู้บางส่วน  แต่หลงเข้าใจผิดว่าสิ่งที่ตนรู้คือทั้งหมดของตัวช้าง

   

ไฟล์แนบขนาด
bhooothdha.pdf876.17 KB