วันที่เอกสารถูกสร้าง: 
13/02/2009
ที่มา: 
เว็บไซต์วิถีชาวบ้านของ ครูศรีจันทรัตน์ กันทะวัง http://school.obec.go.th/phifo/index.html

หญ้าก๋งกาย ผ้าห่มคลุมดิน
ศรีจันทรัตน์ กันทะวัง

เสียงร้องกรี๊ดด้วยความตื่นเต้นและมีความสุขจากการวิ่งไล่จับกันของกลุ่มเด็กน้อย กลบเสียงร้องของบรรดานกและแมลง ดังมาจากแปลงหญ้าก๋งกายแปลงใหญ่ที่ปงของตา ปง คือผืนดินตะกอนที่เกิดขึ้นหลังฤดูน้ำหลากของแต่ละปี เศษดิน ทรายและซากพืชซากสัตว์ที่ไหลมาพร้อมกับน้ำวังต่างมาทับถมกัน ณ ปงแห่งนี้ จึงทำให้ผืนดินอุดมสมบูรณ์ยิ่งกว่าพื้นที่ใดในบ้านวังเลียบ หมู่บ้านเลียบน้ำวังแห่งหนึ่งในจังหวัดลำปาง ชาวบ้านที่นี่จึงมีอาชีพหลักในการปลูกพืชผัก โดยเฉพาะยาขื่น (ยาสูบ) จะนิยมปลูกกันมากในยุคที่ค่านิยมจากตะวันตกยังไม่ซึมลึกถึงใจชาวชนบทอย่าง ทุกวันนี้ ชาวบ้านสมัยนั้นยังนิยมสูบยาขื่นมวนใบตองกล้วยมากกว่าซิกาแร็ตที่ผลิตจากโรง งานเช่นในปัจจุบัน

ตะวันน้องใหม่ ไอหมอกและพี่แตงโม เด็กน้อยวัยกำลังซนมักจะตามตาวีเข้าไปที่ปงอยู่บ่อยๆ ใกล้ปงของตาในระยะนี้น้ำเริ่มแห้งด้วยพ้นฤดูน้ำหลากมาแล้ว จึงเหลือหาดทรายสีขาวริมฝั่งน้ำให้ชาวบ้านได้ใช้ประโยชน์ ผู้ใหญ่ใช้เป็นที่นั่งซักผ้า บ้างก็หาหอยเหล็กจ๋าน (หอยที่มีรูปร่างคล้ายเหล็กที่ใช้จารใบลานหรือสมุดข่อย มีลักษณะเป็นลายขดเกลียวด้านหัวใหญ่เรียว ปลายแหลม ขนาดใหญ่และยาวประมาณนิ้วมือ) หอยอีแง็บ (หอยที่มีลักษณะคล้ายหอยแมลงภู่แต่เล็กกว่า ถ้ากางออกจะคล้ายปีกผีเสื้อ ขนาดเท่าหัวแม่มือ) หรือหอยเสียม (รูปร่างคล้ายเสียมขุดดินขนาดเท่าหอยแมลงภู่) ที่ชอบฝังตัวอยู่ในทราย หนุ่มสาวใช้เป็นสถานที่พูดคุยหยอกล้อ และใช้เป็นสนามเด็กเล่นสำหรับคนในวัย เช่น ตะวัน น้องใหม่ ไอหมอกและพี่แตงโม

ที่ปงมีกิจกรรมให้พวกเด็กๆ เล่นอยู่มากมาย ไม่ว่าจะเป็นเล่นไข่เต่าบนทราย เล่นประตูหลง ฯลฯ แต่ช่วงนี้กิจกรรมที่สนุกที่สุดคงจะเป็นการวิ่งเล่นในแปลงหญ้าก๋งกายที่ กำลังงอกยาวไม่เกินหนึ่งคืบ เด็กๆ จะใช้แปลงหญ้าก๋งกายเป็นลานฝึกทักษะความแข็งแรงของร่างกายและทักษะทางสังคม เพื่อการดำรงชีวิตในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นการเล่นเป็นกลุ่มที่สะท้อนให้เห็นความเป็นผู้นำ ผู้ตาม การรู้จักแพ้ ชนะ การเล่นสนุกและมีความสุขจากสิ่งง่ายๆ ใกล้ตัว ปลอดภัยและไม่ต้องเสียเงิน ผู้ใหญ่จะเต็มใจให้เด็กเล่นเพราะพื้นที่ในระยะนี้ยังไม่ใช้ประโยชน์ในการ ปลูกพืชผัก เป็นช่วงรอการปรับตัวของดิน เป็นการให้โอกาสธรรมชาติในการปรับสมดุลพร้อมที่จะให้ประโยชน์แก่ชาวบ้านใน การปลูกพืชผักในช่วงอีก 2-3 เดือนข้างหน้าต่อไป นอกจากนี้ เด็กๆ ยังสามารถที่จะเล่นในแปลงหญ้าก๋งกายได้ช่วงเวลาเพียงแค่ 1-2 สัปดาห์ เท่านั้น จากนั้นหญ้าก๋งกายที่อ่อนนุ่มเท้าจะเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว มีลำต้นที่แข็งและใบที่มีขน ไม่เหมาะกับการเล่นอีกต่อไป เป็นการปรับตัวเพื่อดำรงเผ่าพันธุ์นั่นเอง

ก๋ง เป็นภาษาล้านนา หมายถึง หญ้าชนิดหนึ่ง อีกความหมายหนึ่งหมายถึงคันธนูหรือหนังสะติ๊ก

กาย หมายถึง ระคายเคือง คัน

หญ้าก๋งกาย
เป็นหญ้าชนิดหนึ่งมีลักษณะคล้ายต้นข้าว ออกเป็นกอ ลำต้นกลม ใบยาวรี ยอดใบจะโน้มสู่พื้นดิน หญ้าก๋งกายจะงอกและโตอย่างรวดเร็วในช่วงต้นฤดูฝน ประมาณเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน มีความสูงประมาณ 1.50-2 เมตร แล้วแต่ความอุดมสมบูรณ์ของดิน เมล็ดหญ้าก๋งกายจะมีการพักตัว ถ้าไม่ใช่ช่วงฤดูกาลในช่วงต้นฝนก็จะไม่งอก จะมีลักษณะพิเศษต่างจากหญ้าชนิดอื่นๆ อาจเพราะยอดใบที่โน้มสู่พื้นดินแทนการขอบคุณผืนดินและผู้คนที่ให้โอกาสมันใน การดำรงเผ่าพันธุ์โดยไม่มีผู้ใดรังเกียจเหมือนเช่นวัชพืชอื่นๆ ในแปลงพืชผักที่ไม่ยอมตายง่ายและไปจากแปลงผักของชาวบ้าน หญ้าก๋งกายจะงอกพร้อมกัน เจริญเติบโตและตายช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น ในแต่ละปีหลังจากนั้นจะไม่มีหญ้าก๋งกายให้เห็นอีกเลย จนกระทั่งถึงขวบปีหน้าในช่วงเวลาเดิมเท่านั้น คล้ายกับธรรมชาติของต้นประดู่ที่มีเวลาในการออกดอกพร้อมเพรียงกัน ผู้คนจึงนำมาเป็นสัญลักษณ์แสดงถึงความสมัครสมานสามัคคี ธรรมชาติมักให้บทเรียนดีๆ แก่ผู้คนเสมอ ถ้ารู้จักสังเกตและพร้อมที่จะเรียนรู้ในการพัฒนาตนแทนการเรียนรู้จากตำราและ หลักสูตรในสถาบันการศึกษาแต่เพียงอย่างเดียว

หญ้าก๋งกายที่ยังเล็กมี ความสูงจากพื้นดินประมาณ 5-6 นิ้ว จะมีใบที่อ่อนนุ่มมือและไม่มีขน ระยะนี้หญ้าก๋งกายจะเป็นที่โปรดปรานของสัตว์ เช่น วัว ควาย และแมลงต่างๆ และเด็กๆ จะชอบวิ่งเล่นกลางแปลงหญ้าก๋งกายที่มีสัมผัสนุ่มเท้า เมื่อแก่กาบหุ้มและทางใบของหญ้าก๋งกายจะมีขนแข็งคล้ายหนวดหรือเส้นผมที่ตัด สั้นยาวประมาณ 2-3 มิลลิเมตร ถ้าถูกผิวจะทำให้รู้สึกกาย (ระคายเคือง)

เมื่อถึงช่วงปลายฝนต้นหนาวอากาศแปรปรวนเปลี่ยนฤดู มักจะมีพายุฝนที่เรียกว่าฝนส่งปูส่งปลา (สัตว์น้ำ เช่น ปลา ปู เป็นต้น จากแหล่งน้ำใหญ่หรือแม่น้ำจะว่ายไปหาแหล่งที่อยู่ใหม่ เช่น ในนา ตอนต้นฤดูฝน และจะกลับไปยังแหล่งที่อยู่เดิมในช่วงปลายฝนที่มีฝนตกหนัก ที่เรียกฝนส่งปูส่งปลา) บางครั้งชาวบ้านเรียกว่า ฝนเข้าต้าว (ฝนที่มีลมแรงทำให้ต้นข้าวที่ออกรวงแก่ล้มลง ทำให้เกี่ยวยากขึ้น) ราวเดือนตุลาคม-พฤศจิกายน ลมก็จะพัดต้นหญ้าก๋งกายที่ลำต้นอวบโตเต็มที่ให้ล้มไปในทิศทางเดียวกัน เพื่อคลุมดินรักษาความชื้นในดินไว้ ซึ่งเป็นช่วงที่หญ้าก๋งกายจะต้องตายทั้งสวนพร้อมกันเพราะหมดอายุขัย ชาวบ้านจึงไม่ต้องเปลืองแรงงานที่จะล้มหญ้าก๋งกายเพื่อคลุมดิน แต่ถ้าเกิดปีไหนฝนฟ้าไม่อำนวย มีแต่ฝนไม่มีลมแรง ชาวบ้านก็จะมีเทคนิคการล้มหญ้าก๋งกายโดยใช้ไม้ไผ่ทาบลำต้น แล้วใช้มือดันให้ล้มติดกับดินเหมือนการคลุมฟางบนแปลงผัก

เนื่องจากหญ้าก๋งกายมีลำต้นอวบอ้วน เมื่อตายก็จะผุย่อยสลายได้ง่าย โดยจะย่อยสลายตัวเองใช้เวลา 2-3 เดือน มีระบบการย่อยทีละส่วน โดยเริ่มจากใบ ลำต้น และราก มีระบบรากพิเศษที่ทำให้ดินมีความร่วนซุย ไม่จำเป็นต้องเสียเวลาในการไถพรวน หญ้าก๋งกายจึงเปรียบเสมือนผ้าห่มคลุมดินรักษาสมดุลของธรรมชาติ ให้ทั้งความชื้น คลุมดินไม่ให้วัชพืชอื่นงอกและยังเป็นปุ๋ยอาหารของพืชผัก ทำให้พืชผักงอกงาม

ชาวบ้านวังเลียบจะไม่นิยมปลูกพืชผักที่ปงตอนช่วง หน้าฝน เพราะมักจะมีน้ำท่วม จึงใช้ประโยชน์จากปงเพื่อหาจี้กุ่ง (จิ้งหรีด) อาหารอร่อยของชาวบ้านแทน และในช่วงนี้น้ำจะพัดพาดินตะกอนมาทับถมที่ปง พื้นที่จึงมีไว้สำหรับหญ้าก๋งกายให้เจริญเติบโต พอถึงหน้าหนาว น้ำเริ่มแห้ง หญ้าก๋งกายก็เริ่มผุ ชาวบ้านจึงหว่านเมล็ดพืชผักในแปลงหญ้าก๋งกายที่ล้มแล้ว เช่น ผักกาด ผักบุ้ง กะหล่ำ ยาสูบ ฯลฯ

ผักกาดในสวนที่ปงของตาวีจึงงามมาก โดยเฉพาะผักกาดจ้อนผักยอดนิยมของชาวบ้าน เป็นผักกาดที่มีลำต้นสีออกขาว มีช่อดอกเป็นสีเหลือง ชาวบ้านนิยมนำมาปรุงเป็นอาหารได้หลากหลาย ไม่ว่าจะนึ่งกับน้ำพริกนานาชนิด แกงใส่ไก่เมือง โดยเฉพาะนำไปต้มใส่กระดูกหมู ปรุงรสด้วยน้ำปลาและมะขามเปียก ที่เรียกว่า จอผักกาด อาหารอร่อยของชาวบ้านที่นิยมกินกันในครัวเรือนและงานสังคมของหมู่บ้าน นอกจากนี้ ที่สวนของตายังมีผักกาดดำ เป็นผักกาดที่มีลำต้นสีออกดำ ไม่นิยมนำมาต้มหรือแกงกินเพราะมีรสชาติออกขม ไม่หวานกรอบเหมือนผักกาดจ้อน แต่จะให้ประโยชน์และคุณค่าในระยะยาว โดยชาวบ้านจะนำผักกาดดำไปดองหรือนำไปทำน้ำพริก น้ำผักและน้ำผักก้อน ที่สามารถเก็บไว้กินยามหน้าแล้งที่อาหารค่อนข้างหายาก ซึ่งเป็นการถนอมอาหารวิธีหนึ่งของชาวบ้าน

พืชผักในสวนของชาวบ้าน เลียบน้ำวังแห่งนี้สร้างงานและรายได้อย่างดีให้แก่ผู้คน เก็บส่งในหมู่บ้านและบริเวณใกล้เคียงแทบไม่พอขาย น้อยรายนักที่จะเหลือส่งขายในเมืองและมักมีผู้คนไปรับซื้อถึงในสวนอยู่บ่อย ครั้ง เพราะจะได้ไปเห็นแปลงผักที่สวยงาม อย่างเช่น ผักกาดที่มีลำต้นอ้วนอวบยาวเป็นแขน มีมะเขือ บวบ ลูกงาม เห็นพริกที่มีเมล็ดดกเต็มต้น เป็นต้น นอกจากนี้ ใครๆ ต่างก็รู้ว่าผักถ้ามาจากปงแล้วจะกินอร่อยและปลอดภัยจากสารพิษ ไม่เหมือนผักในเมืองที่แม้แต่แมลงยังไม่อยากเข้าใกล้ ชาวบ้านหลายคนที่อาศัยปงและพืชผักเหล่านี้สามารถส่งลูกหลานเรียนหนังสือสูงๆ ประสบความสำเร็จ มีหน้าที่การงานที่ดีมากมาย ภาพความสำเร็จและความงดงามเหล่านี้ ผู้ที่อยู่เบื้องหลังที่พร้อมทุ่มเทและไม่เคยเปลี่ยนแปลงคือ หญ้าก๋งกาย ผ้าห่มคลุมดินนั่นเอง

ธรรมชาติให้ความรักและเข้าใจผู้คนเสมอมา เพียงแต่จะมีใครมองเห็นคุณค่าและนำมาปรับใช้ให้เกิดประโยชน์กับชีวิต แทนการพยายามสร้างสิ่งอำนวยความสะดวก ง่ายและรวดเร็ว เพียงเพื่อจะเอาชนะธรรมชาติที่เราไม่สามารถที่จะชนะได้เลย ไม่ว่ายุคเริ่มก่อเกิดโลกจนกระทั่งยุคไฮเทคโนโลยีอย่างเช่นปัจจุบัน