ปรารมภพจน์ ฉบงง ข้าผู้นิพันธ์พาที ถ้อยสามัคคี เภทฉันท์อ้นออกบอกนาม ในท้ายทั้งที่มีความ เจตนาพยายาม นิยมประพันธ์อันใต แจ้งหมดปรากฎมีใน ปัจฉิมชัตไข ลิขิตรจิตร์จองแถลง ปรารมภพจน์นี้ชี้แจง เพี่อจักสำแดง ประวัติอุบัติ์แห่งบรรณ พิมพ์ขึ้นสำเร็จเสร็จพลัน ทั้งรวดเร็วทัน ประสงค์สดวกโดยไว ต้วยทุนหนังสีอพิมพ์ไทย ทดรองจ่ายไป เปนส่วนเอื้อเฟื้อเจือจาน ขุนสันทัดอักษรสาร บรรณาธิการ ธเกื้อธเอื้ออุดหนุน สัมฤทธิ์เพราะท่านการุญ ช่วยเหลือเจือจน โตยรอบประกอบอุปการ ผู้อีนอีกอาทิ์เอาภาร ขุนนัยวิจารณ์ (เปล่ง ดิษยบุตร์) นามผจง คุณสุดกอบโกยโตยสง เคราะห์ล้ำจำนง พินิจพิจารณ์จริงใจ สอตส่องถ่องถ้วนควรนัย เชิงอรรถอันใด มิดีและมีขัดขวาง บอกให้แก้์ใหม่ไป่วาง ธุระแท้แลทาง แก้ไขใบพิมพ์เพียรทำ เรียบร้อยไพเราะเพราะคำ ที่ท่านแนะนำ และตรวจและตราอาทร สองท่านอันออกนามกร ข้าจะอนุศร พระคุณตลอดฤๅลีม นายชิต ผู้ประพันธ์ ที่ทำการหนังสือศรีกรุง วันที่ ๑ มิถุนายน พระพุทธศักราช ๒๔๕๘ ศุภมัสดุ สัททัลวิกีฬิต ฉันท์ ๑๙ พร้อมเบญจางคประดิษฐ์สฤษติตษฎี กายจิตร์วจีไตร ทวาร กราบไหว้คุณพระสุคตอนาวรณญาณ ยอดศาสดาจารย์ มุนี อีกคุณสุนทรธรรมะคัมภิรวิธี พุทธ์พจน์ประชุมตรี ปิฎก ทั้งคุณสงฆะพิสุทธิศาสนะดิลก สัมพุทธสาวก นิกร นอบน้อมคุณพระคเณศวิเศษศิลปธร เวทางคบวร กะวี เปนเจ้าแห่งวิทยาวราภรณะศรี สุนทรสุวาท วิธาน สรวมชีพหัดถประณามประนตพระบทมาลย์ บพิตระสมภาร พระองค์ สมเด็จอรรคะมหาจุฑาธิปะพระมง กุฎเกล้าพิศิฏฐ์พงศ์ กระษัตริย์ บานบำเทองพรััเถลิงถวัลยอธิปัติ์ ที่หกดลกรัฏฐ์ ประชา ชุ่มชื่นมณฑละภูมิ์นิพัทธ์วัฒนะปรา กฎเพียงพระรามา วตาร ปางไวกูณฐประกอบประกาศกิติอุฬาร เลิศมากประมาณคือ พระองค์ สรวมศรีไตรรตนาธิคุณอดุละมง คลเหตุพิเศษทรง ประสิทธิ์ เสริมซึ่งโสตถิบวรพระพรจตรพิธ ขอพึงสฤษดิ์นิจ นิรันดร์ จุ่งไท้เทียรฆพระชนมะดลลุสตพรรษ์ ภัทร์เพิ่มพระศุขวรร ณพล อันใดสรรพะกะลีและนีรผละมล ทินไกลยุคลบาท ลออง เพียรเพ็ญูในมนะข้าพเจ้านิยมะจอง เจตน์คิดลิขิตปอง ประพันธ์ สามัคคีภิทะโทษนิทานะคติธรรม์ โดยพิศดารอัน แสดง เชิงบรรพ์ฉันทะลเบงชเลงพจนะแปลง บรรจงพจีแจง ประโยชน์ บูชาศาสนะพากย์สุภาสิตะวิโรจน์ เริงปรีดิปราโมทย์ ประมวญ ใดบทบาทผิวะคลาศและผิดนิติขบวน โกวิทกะวีควร อภัย วสันตดิดก ฉันท์ โบราณะกาลบรมะขัต ติยรัชชเกรียงไกร ท้าวทรงพระนามะอภิไธ ยะอชาตะศัตรู ครอบครองมไหยศุริยเอก อภิเศกประสิทธิ์ภูว์ อาณาปวัตติบริบู รณะบรรพประเพณี แว่นแคว้นมคธนคระรา ชคฤห์ราชบูรี ทรงราชวัตร์วิธะทวี ทศธรรมะจรรยา แหล่งหล้ามหาอุดมะลาภ คุณะภาพพระเมตตา แผ่เพียงชนกกรุณะอา ทระบุตร์ธิดาตน โปร่งปรีดิปราศอริริปู ภพะภูมิมณฑล เปรมโสตถิ์ประสบวัฒนะผล ศุขะต้วยพระเดชา อำพนพระมณฑิรพระราช ะนิวาศน์วโรฬาร์ อัพกันตร์ก็ไพจิตระพา หิรภาคก็พึงชม เช่นหลั่งชลอดุสิตะเท วสถานพิมานพรหม มารังสฤษดิ์ศิริอุตม ผิวะเทียบก็เทียมทัน สามยอดยะเยี่ยมยละระยับ วะวะวับสลับพรรณ์ ช่อฟ้าตระการกละจะหยัน จะเยาะยั่วทิฆัมพร บราลีพิลาศศุภจรูญู นพศูลประกัศร หางหงส์ผจงพิจิตระงอน ดุจะกวักนภาลัย รอบด้านตระหง่านจตุรมุข พิศะสุกอร่ามใส กาญจน์แกมมณีกนกะไพ ฑุริย์พร่างพะแพรวพราย บานบัฏพระบัญชระสลัก ฉลุลักษณ์เฉลาลาย เพดาลก็ดารกะประกาย ระกะดาดประดิษฐ์ดี เพ่งภาพตลอดตละผนัง ก็มะลังมะเลืองสี ยิ่งดูก็เด่นประดุจะมี ชิวะแม้นกมลครอง ภาพเทพพนมวิจิตระยิ่ง นรสิงหะลำยอง ครุฑยุตภุชงค์วิยะผยอง และเผยอขยับผัน ลวดลายระบายระบุกระหนาบ กระแหนภาพกระหนกพัน แผ่เกี่ยวผกาบุษปะวัล ลิและวางระหว่างเนือง ภายใต้เศวตร์ฉัตระรัต นะจรัศจรูญเรือง ตั้งราชอาศนะประเทีอง วรมัญจบรรจ์ฐรณ์ ห้อยย้อยประทีปอุบะประทิน รศกลิ่นชเอมอร อาบอบตระหลบนิจะขจร ดุจะทิพย์สุมาลัย คัณนาอเนกคณะอนงค์ ศิริทรงเจริญูใจ สรรพางคะพรรณพิศะประไพ กละพิมพอับศร เรียงรายจรูงรมยะบาท บริจาริกากร ปันเวรพิทักษ์อธิบวร ทิวรัตติ์นิวัทธ์วาร โดยรอบมหานคระเล่ หะสิเนรุปราการ มั่นคงอรินทระจะราญ ก็ระย่อและท้อหนี แถวถัมภะโดรณะสล้าง ระยะนางจรัลมี ชลคูประตูวรบุรี ณ ระหว่างพระภารา เรียงป้อมและปักธวัชะราย ยละค่ายก็แน่นหนา เสาธงสถิตยะธุชะมา ลุตะโบกสบัดปลาย หอรบอรินทรจะรอ รณะท้อหทัยหมาย มุ่งยุทธะย่อมชิวะมลาย ก็ประลาศน์มิอาจทาน พร้อมพรั่งพฤนท์พหละรณ พยุห์พลทหารหาญ อำมาตย์และราชบริวาร วุฒิเสวกากร เนืองแน่นขนัดอัศวะพา หนะชาติกุญชร ชาญศึกสมรรถะณสมร ชยะเพิกริปูภินท์ ความศุขก็แสนบรมศุข และสนุกสนานยิน ดีในผไทรัฐะบุริน ทรรัตน์จรูญเรือง กลางวันอนันตคณนา นรคลาคระไลเนือง กลางคืนมหุศวะประเทือง ดุริย์ศัพทะดีดสี บรรสานผสมสรนินาท พิณะพาทย์และดนตรี แซ่โสตร์สดับเสนาะฤดี อุระเพลินเจริญใจ เมืองท้าวและเทียบพิพยโลก ภพะแหล่งสุราลัย เมืองท้าวและสมบุรณไพ บุละทุกประการมาน ฉบงง อันอรรคปุโรหิตอาจารย์ พราหมณ์นามวัสสการ ฉลาดเฉลียวเชี่ยวชิน กลเวทโกวิทจิตร์จินต์่ ประจักษ์แจ้งศิล ปศาสตร์ก็จบสบสรรพ์ เปนมหาอำมาตย์ราชวัล ลภใครไป่ทัน ฤเทียมฤเทียบเปรียบปาน สมัยหนึ่งจึ่งจอมภูมิบาล ท้าวจินตนาการ จะแผ่อำนาจอาณา ให้ราบปราบปรามเพื่อปรา กฎไผทไพศา ละจวบจังหวัดวัชชี หวังพระหฤทัยใคร่กรี ฑาทัพโยธี กระทำประยุทธ์เอาไชย ครั้นทรงดำริห์ตริไป กลับยั้งหยั่งใน มนัศมิแน่แปรเกรง หากหักจักได้ไชยเชวง ฤๅแพ้แลเลง พะว้าพะวังลังเล ไป่อาจสามารถทุ่มเท ทำศึกรวนเร พระราชหทัยโช่เบา ต้วยเหตุพระองค์ทรงเสา วนะศัพท์สำเนา ระเบงระบีอลือชา ว่ากษัตริย์วัชชีบรรดา ครองรัชชสีมา กเษตร์ประเทศทุกองค์ อปริหานิยะธรรมธำรง ทั้งนั้นมั่นคง มิโกรธมิกร้าวร้าวฉาน เพึ่อธรรมดำเนินเจริญูการณ์ ใช่เหตุแห่งหานิ์ เจ็ดข้อจะคัดจัดไข หนึ่ง.เมื่อมีราชกิจใด ปฤกษากันไป บวายบหน่ายชุมนุม สอง.ย่อมพร้อมเลิกพร้อมประชุม พร้อมพรักพรรคคุม ประกอบณกิจควรทำ สาม.นั้นถือมั่นในสัม มะจารีตจำ ประพฤติ์มิตัดดัดแปลง สี่.ใครเปนใหญชะจง โอวาทศาสน์แสดง ก็ยอมและน้อมบูชา ห้า.นั้นอันบุตริ์ภิริยา ผู้อื่นก็หา ประทุษฐ์กระทำข่มเหง หก.ที่เจดีย์ชนเกรง เคารพยำเยง ก็เส้นก็บวงสรวงพลี เจ็ด.พระอรหันต์อันมี โนรัฏฐ์วัชชี ก็คุ้มก็ครองปัองกัน พร้อมสรรพสัปดพิธนิจนิรันตร์ สามัคคีธรรม์ ณหมู่กระษัตริย์ลิจฉวี อชาตศัตรูภูมี ทรงทราบโดยคดี ดั่งนั้นก็ครั่นคร้ามขาม ศึกใหญ่หากจะพยายาม หาญหัก อาตาม กำลังก็หนักนักหนา จำจักหักด้วยปัญญา รอก่อนผ่อนหา อุบายทำลายมูลความ อุปชาติ ฉันท์ บรมกระษัตริย์ปรา รภะการะปราบปราม กับวัสสการพราหม ะณพฤฒิอาจารย์ ปฤกษาอุบายดำ ริหะทำไฉนการ จะสมนิยมภาร ธุระปราถนาเรา สมัคคิ์สมานมิตร์ คณะลิจฉวีเขา มั่นคงจะคิดเอา ชนะด้วยประการใด ท่านวัสสการผู้ ทิชะครูฉลาดใน อุบายคนึงไป ก็ประจักษ์กระจ่างจินตน์ เสนอสนองทูล กละมูลยุบลรบิล แต่องคภูมิน ทอชาตศัตรู ตกลงและทรงนัด แนะกะวัสสการครู ตริเพื่อเผต็จมู ละสมัคคไมตรี สมัยเสด็จว่า กิจะราชะการี เสนาธิบดี มุขะมวญูอมาตย์ผอง โดยศักดิฐานัน คระชั้นอนันต์นอง ณท้องพระโรงทอง ขณะเฝ้าพระบทมาลย์ สดับปกาสิต วระกิจวโรงการ จึ่งราชะสมภาร พจนาตถ์ประภาษไป เราคิดจะใคร่ยก พยุห์พลสกลไกร ประชุมประชิดไชย รณะรัฏฐวัชชี ฉนี้แหละเสนา ปติฐานะมนตรี คอใครจะใคร่มี พจะคานประการไร ฝ่ายพราหมณ์ก็กราบทูล อติศูริย์ณทันใด นยาธิบายไข วจนัตถทัดทาน พระราชปรารม ภนิยมมิควรการณ์ ขอองคภูบาล พิเคราะห์เหตุจงดี อันซึ่งจะกรีฑา พละทัพและไปดี กระษัตริย์ณวัชชี ชนบทสมหมาย มิแผกมิผิดพา กยะข้าพระองค์ทาย ไป่ได้สดวกตาย และจะแพ้เพราะไพรี พวกลิจฉวีขัต ติยรัชชวัชชี ละองค์ละองค์มี มิตระพันธะมั่นคง และแสนจะสามารถ พละอาจกระทำสง ครามยุทธยรรยง มิระย่อมิเยงใคร เราน้อยจะย่อยยับ ดละอัปราไชย ฉนี้แหละแน่ใน มนะข้าพยากรณ์ และอีกประการเล่า ผิวะเขาสิคิดคลอน แคลนพาลระราญรอน ทุจริตผจญเรา เป็นก่อนกระนั้นชอบ ทุษะตอบก็ทำเนา มิมีคดีเอา ธุระเห็นบเปนธรรม และโลกจะล่วงวา ทะติว่าพระองค์จำ นงเจตนาดำ ริห์วิรุธประทุษฐ์เขา กระนี้พระจุ่งปรา รภะภาระแบ่งเบา เพื่อกล่อมถนอมเกลา มิตระภาพสงบงาม อีทิสัง ฉันท์ ภูบดินทร์สตับอุปายะตาม ณวาทะวัสสการะพราหมณ์ และบังอาจ เกินประมาณเพราะการละเมิดประมาท มิควรจะขัตบรมราช ชโยงการ ท้าวก็ทรงแสดงพระองคะปาน ประหนึ่งพระราชหทัยธดาล พิโรธจึง ผันพระกายกระทีบพระบาทและอึง พระศัพทะสีหนาทะพึง สยองภัย เอออุเหม่นะมึงชิช่างกระไร ทุทาษสถุลฉนี้ไฉน ก็มาเปน ศึกบถึงและมึงก็ยังมิเห็น จะน้อยจะมากจะยากจะเย็น ประการใด อวดฉลาต เละคาดแถลงเพราะใจ ขยาดขยั้นมิทันอะไร ก็หมิ่นกู เล่หะกากะหวาดขมังธนู บห่อนจะเห็นธวัชริปู ก็ท้อถอย พ่ายเพราะไภยะตัวสิกลัวจะพลอย พินาศชิพิตร์ประดิษฐ์ประดอย ประเด็นขัด กูก็เอกอุดมบรมกษัตริย์ วิจาระถ้วนบควรจะทัด จะทานคำ นี่ก็เห็นเพราะเปนอมาตย์กระทำ พระราชการะมาฉนำ สมัยนาน ใช่กระนั้นละไซร้จะให้ประหาร ชิวาตม์และหัวจะเสียบประจาน ณทันที นัคราภิบาลสภาบดี และราชบุรุษฮะเฮ้ยจะรี จะรอไย ฉุดกระชากกะลีอปรีชะไป บพักจะต้องกะรุณอะไร กะคนคด ลงพระราชอาชะญา ณ บท พระอัยการพิพากษะกฎ และโกนผม ไล่มิให้สถิตย์ณคามนิคม นครมหาสิมานิยม บุรีโด มันสมรรคสวามิภักดิใน อมิตตะลิจฉวีก็ไป บห้ามกัน เสร็จประกาศพระราชธูระสรรพ์ เสด็จนิวัติศุขาภิมัณฑ์ มหาคาร อินทรวิเชียร ฉันท์ ควรสุดจะสมเพช จิตระเวทนาการ ที่ท่านพฤฒาจารย์ พะกระทบประสบทัณฑ์ โตยเต็มกตัญูญู กตเวทิตาอัน ใหญ่ยิ่งและยากครัน ขรการณ์จะทานทน ยินดีนิยมเพี่อ สละเนี้อและเลีอดตน ยอมรับอดูรผล จะพะพ้องพะพานกาย ไป่เห็นกะเจ็บแสบ ชีวะแทบจะทำลาย มอบสัตย์สมรรถหมาย มนะมั่นมิหวั่นไหว หวังการ ณ แผ่นดิน จะสดวกเพราะฉันใต ให้กิจในฤทธิ์ไป บมิเลี่ยงฤเบี่ยงเบือน เหลือที่จะมีใคร ทมะในหทัยเหมีอน กัดฟันบฟั่นเฟีอน สติอดสกดเอา พวกราชมัลล์โดย พละโบยมิใช่เบา สุดหัตถะแห่งเขา ขณะหวดสิพึงกลัว ยลเนื้อก็เนื้อเต้น พิศะเส้นก็สั่นรัว ทั่วร่างและทั้งตัว ก็ระริกระริวไป แลหลังก็หลั่งโล หิตโอ้เลอะลามไหล พ่งผาดอนาถใจ ตละล้วนระรอยหวาย เนี่องนับอเนกแนว ระยะแถวตลอดลาย เฆี่ยนครบสยบกาย ศิระพับพะกับคา ทั้งหลายสหายมิต ตะอมัจจะเสนา ทัศน์เหตุทุเรศสา หศะแสนสลดใจ สุดที่จะกลั้นโท มนะโศกะอาลัย ถ้วนหน้ามิว่าใคร ขณะเห็นบเว้นคน แก้ไขและได้คืน สติฟื้นประทังตน จึ่งราชบุรุษกล ปกกรณ์ก็โกนหัว เสื่อมศีศะผมเผ้า พิศะเปล่าประจานตัว เปนเยี่ยงประหยัดกลัว ผิมะลักจะหลาบจำ เสร็จอาชะญาทัณฑ์ กิจะพลันประกาศทำ ปัพพาชนีย์กรรม ดุจะราชโองการ บรรดาประชาชน ขณะยลทิชาจารย์ สุดแสนจะสงสาร สรแซ่ประสาสันทน์ บางคนกมลอ่อน อุระข้อนพิไรพรรณน์ บางเหล่าวิสัยอัน กุธะเกลียดก็เสียดสี บางพวกก็เปนกลาง ยละข้างพิจารณ์ดี บางหมู่กะรุณมี ณหทัยก็ให้ของ พราหมณ์วัสสการเส กละเล่หะทำนอง ท่าทางละอย่างผอง นระสิ้นบสงสัย ออกจากนครรา ชะคฤห์รีบจรัลไป สู่เทศสถานไกล บุระรัฏฐัวัชชี วิชชุมมาฝา ฉันท์ แรมทางกลางเถี่อน ห่างเพื่อนหาผู้ หนึ่งใดนึกดู เห็นใครไป่มี หลายวันถั่นล่วง เมืองหลวงธานี นามเวสาลี ดุ่มเดาเข้าไป ผูกไมตรีจิตร์ เชิงชิดชอบเชื่อง กับหมู่ชาวเมีอง ฉันท์อัชฌาสัย เล่าเรี่องเคืองขุ่น ว้าวุ่นวายใจ จำเปนมาใน ด้าวต่างแดนตน เขาแสนสังเวช สังเกตอาการ แห่งท่านอาจารย์ ท่าทีทุกข์ทน ภายนอกบอกแผล แน่แท้ทุพพล เห็นเหตุสมผล ให้พักอาศรัย ข่าวคราวกล่าวกัน เปนทันแพร่หลาย ลือล่ำกำจาย จนแจ้งทั่วไป มนตรีกราบทูล เค้ามูลขานไข แด่องค์ท้าวไท แหล่งหล้าลิจฉวี ทรงทราบข่าวสาสน์ โดยราชตำรัส สัญญาอาณัติ ทุ่มฆาฏเภรี ทุกไท้ราชา อาณาวัชชี มาชุมนุมมี การตฤกปฤกษา แน่นเนีองเนื่องนับ ลำดับโดยหมู่ ทันใดราชผู้ เปนใหญ่ในสภา เริ่มอารัมภ์พจน์ ตามบทมีมา ชี้แจงจักปรา รพภ์กันฉันใด พราหมณ์หนึ่งซึ่งเขา เปนเปาโรหิตย์ พวกปัจจามิตร์ มาคธเขตร์ไผท ต้องราชอาชญูา หนีมาอาศรัย จำไล่ให้ไป ฤๅรับเลี้ยงดู พร้อมตกลงเปน ความเห็นเดียวกัน บ้านเมีองของมัน นั้นเปนศัตรู แห่งรัฏฐ์วัชชี แม้มีแต้มคู คิดมาตร์คาดมู ลารัมภ์ทำกล เพื่อส่อไส้ศึก ลับลึกสนธิ์สาย หากเห็นแยบคาย ผิดอย่างแผกยล ไล่มันทันที แต่นี่ในฉงน ยากหยังยังปน ไปข้างสงสัย รอไว้ให้หา เข้ามาจักมี ถ้อยท่าพาที เท็จจริงฉันใด สุดแท้แต่การณ์ ตามฐานเปนไป สมควรอย่างไร บัญชาคราหลัง อินทรวงศ์ ฉันท์ ราชาประชุมดำ ริหะโดยประการะดัง ดำรัสตระบัดยัง วจนัตถ์ปวัตติพลัน ให้ราชภัฏโป ริสะไปขมีขมัน หาพราหมณ์ทุพลอัน บุระเนระเทศะมา เขาพลันจรัลริบ จระรุตประตุจประกา สิตนำทิชาจา ริยะสู่พระราชฐาน จึ่งลิจฉวีรา ชะสภาบดีประธาน มีราชโองการ นยะปุจฉนีย์คตี เยียใดไฉนตู กะระครูธล่วงกะลี ข้อใหญ่อะไรมี ทุระเหตุจะเสียจะหายน์ จึ่งดาลอดูรพ้อง ขรข้องระคนระคาย หลังไหล่สิรอยหวาย คณนาอนันต์ประมาณ ต้องทัณฑะบรรพา ชนิย์มาก็ไกลสถาน พรากพันธุวงศ์วาน บุตรทาระมิตร์สหาย มาอยู่นครเรา จะเสาะเอารหัสอุบาย ฤๅไรก็ ยากหมาย อนุมานะครันนะครู อันราชอชาตสัต คุณรัฏฐู์มคธริปู แห่งเราจะเอาภู มิกะกันและกันประสงค์ หลากเหลือจะเชี่อจิตร์ ผิวะคิดประหวั่นพะวง เมตตาและเต็มปลง จิตระจักประคับประคอง หนักข้างระคางอยู่ บมิรู้จะรับจะรอง ภายหลังก็ตั้งตรอง ตริฤเว้นระวังระแวง ฝายวัสสการครู ก็มธูระทูลแถลง ให้เชื่อและชี้แจง อภิยาจนาภิปราย วสันฑคิลก ฉันท์ ข้าแต่พระจอมจุฬมกุฎ บริสุทธิกำจาย ปรากฎพระยศระบุระบาย กิติเบิกระบือบุญ เมตตาทยาลุศุภะกรรม อุปถัมภะการุญ สรรเสริญเจริญพระคุณะสุน ทระภาพพิบูลย์งาม เปรียบปานมหรรณพะนที รมะที่ ประทังความ ร้อนกายกระหายอุทกะยาม นระผู้ประสบเห็น เอิบอิ่มกระหยิมหทยะคราว กระอุผ่าวก็ผ่อนเย็น ยังอุณหะมุญจนะและเปน ศุขะปีติดีใจ อันข้าพระองค์กษณะนี้ บมิมีจะร้อนใด ยิ่งกว่าและหามนุษไหน ฤเสมีอนเสมอตน ใคร่เปลื้องประเทืองประนุทะทุกข์ ภยะมุขจะมาดล ไร้ญาติและขาตมิตระสกล นฤผู้จะดูดาย โดยเดียวอดักอดุระแด และก็แก่ชรากาย ที่ซึ่งจะพึงสรณะหมาย อนุศรบห่อนเห็น ทราบข่าวขจรพระกิติบา ระมิว่าพระองค์เปน เอกอรรคกระษัตริย์สุขุมะเพ็ญ กรุณามหาศาล หวังเพื่อพะพิงบพิตระพึ่ง อภิโพธิสมภาร มอบกายถวายชิพิตตระปราณ นิจะกาละปรารมภ์ คิดไว้บได้ประดุจะเจตน์ เฉภาะเหตุบเห็นสม ขืนทำก็เท่ากะจะนิยม คติผิดพิจารณ์ดู ขึ้นชื่อกระฉ่อนบุรุษะกัก ขละอักกตัญญู คิดคดขบถประทุษะภู วะประเทศผไทตน จำเปนเพราะเหลีอจะทุมนัศ บมิน่าจะรับผล แห่งราชภัยพิบัติดล ดุจะนี้พินิจดู เหตุเดิมก็โดยบรมะรา ชอชาตะศัตรู ปฤกษากะข้ายุคละมู ลิกะมุขมนตรี จักยาตร์พยู่ห์พหละยุท ธะประทุษฐะย่ำยี เขตร์แดนพระองค์นิยมะนี ระประโยชน์พยายาม ข้าบาทบจงจิตระอสัตย์ พิเคราะห์ชัดถนัดความ จริงอ้างกระจ่างพจนะตาม อธิบายรบิลแจง วัชชีนครบวระสรร พะจะขันจะเข้มแขง รี้พลสกลพิริยแรง รณะการะกล้าหาญู มาคธผไทรัฐะนิกร พละอ่อนบชำนาญ ทั้งสินจะสู้สมระราญ รึปุนั้นไฉนไหว ดั่งอินทโคปกะผวา มุหะฝ่า ณ กองไฟ หิ่งห้อยสิแข่งสุริยะไหน จะมิน่าชิวาลาญ เห็นการณ์ก็ควรยบละขัต พจนัตถะทัดทาน บัดดลบดินทร์หทยะตาล ลพิโรธะสำแดง ลงราชทัณฑะพิธะทา รุณะการะร้ายแรง ไม่ควรเฉลยนยะแถลง เพราะพระองค์ก็ทรงเห็น กราบทูลประมูลบทะประมวญ ตละล้วนตลอตเปน ความจริงบแต่งกละประเด็น นิระสาระพาที ทีดับระงับอตุระผ่อน ก็บห่อนจะเห็นมี นอกจากพระองค์อดุละสี ตลเมตตะคุณมัย มุ่งมาก็หมายกมละมี สรณียะเปนไป ครองชีวะสืบศุขะพิสัย อนุสนธิอาสัญ มั่นปองสนองวระคุณา ธิมหากะรณครัน ในราชกิจนิจะนิรัน ดระตราบสลายกาล สุดแต่จะทรงพระกรุณา ทนข้าพระบทมาลย์ ผู้ถืออภัพพ์ทุพพละซาน เสาะอุสาหะมาถึง วังสัฏฐ ฉันท์ ประชุมกระษัตริย์รา ชะสภาสดับคนึง คเรณทุกข์รึง อุระอัตถ์ประวัติประวิง ประกอบระกำพา หิระกายะน่าจะจริง มิใช่จะแอบอิง กละอำกระทำอุบาย และทุกพระองค์ใน คณะไป่ฉงนฉงาย ก็เชื่อฌแยบคาย คะรุวัสสการะพราหมณ์ ตระบัตธรับสั่ง ผิวะดั่งวจีนิยาม ละล้วนก็ควรความ และมิร้ายมิแรงอะไร อชาตะศัตรู จุฬะภูว์มคธผไท มิควรจะมีใจ กุธะเกรี้ยวกระนี้สิหนอ และเหตุก็เท่านั้น ผิจะผันจะผ่อนก็พอ ระงับพิโรธรอ พิเคราะห์เห็น บ เปนกระไร เถอะเราก็เอนดู ทิชะครูและเศร้าหทัย เพราะที่ธมีใจ สุจริตวินิจวิจารณ์ พะพ้องพระอาชญา บมิน่าจะเปนจะปาน มิหนำนิเทสการ ทวิวิธลุทัณฑะทวน จะรับและเลี้ยงท่าน อุปการ ณ ฐานะควร ก็จงละเว้นมวล มละโทษประพฤติสุธรรม์ ประดุจขนบข้า ธุระราชะกิจจสรรพ์ ทิชงคะน้อมอัญ ชลิเช่นจะชื่นจะชู และมีพระปุจฉา นยะว่าก็ครา ณ ครู ฉลองพระคุณภู ธระรับพระราชธูร สถิตย์ ณ ฐานัน ดระชั้นอะไรจะปูน ประกอบและเกื้อกูล ดุจะดั่งบุราณะมา ทวิชแถลงไท กิจะในสมัยณะกา ละอยู่นครรา ชคฤห์ศักดิข้าธุลี สเถียรอมาตย์ฐา นะพิจารณาคดี พิฉินทะธารี ดุละกิจพิพากษะการ กระษัตริย์กเษตร์ลิจ ฉวิหล้าพระราชะทาน สถาปนาฐาน ยศะเทอดธุโรปถัมภ์ และเห็นเพราะเปนครู วุฒิรู้วิชาและชำ นิพลปศาสตร์คัม ภิระเพทพิเศษพิศาล ประสิทธิดำแหน่ง คะรุแห่งพระราชกุมาร นิพัทธะเอาภาร อนุสิฏฐะวิทยา มาลินี ฉันท์ กษณะทวิชะรับฐา นันดร์และที่วา ทกาจารย์ นิระอลสะประกอบการ พีริโยฬาร และเต็มใจ จะพินิจยะคดีใด เที่ยง ณ บทใน พระธรรมนูญู ละมนะอคติสีสูญู ยุกติบาฐบูรณ์ ณคลองธรรม์ ลุสมยะจะแนะนำพรรค์ ราชกุมารสรรพ์ ธพรำสอน หฤทยปริอาทร ชี้วิชากร ก็โดยดี เพราะตริจะทนุถนอมปรี ตามิไห้มี ระแวงใด ผิวจะวิรุธะแคลงใน ราชหทัยไท ธลิจฉวี เพราะปกรณะวิธีมี เล่หะลับนี ระสงสัย คณะขัติยะและใครใคร ต่างก็ไว้ใจ ทิชาจารย์ ภุชงคปยาตร ฉันท์ ทิชงค์ชาติ์ฉลาดยล คเนกลคนึงการ กษัตริย์ลิจฉวีวาร ระวังเหือดระแวงหาย เหมาะแก่การจะเสกสัน ปวัตติ์วัญจะโนบาย มล้างเหตุพิเฉทสาย สมัคคิ์สนธิ์สโมสร ณ วันหนึ่งลุถึงกา ละศึกษาพิชากร กุมารลิจฉวีวร เสด็จพร้อมประชุมกัน ตระบัดวัสสการมา สถานราชะเรียนพลัน ธแกล้งเชิญกุมารฉันท์ สนิทหนึ่งพระองค์ไป ลุห้องหับระโหฐาน ก็ถามการณะทันใด มิลี้ลับอะไรใน กถาที่ธปุจฉา จะถูกผิดกระไรอยู่ มนุษผู้กระทำนา และคู่โคก จูงมา ประเทียบไถมิใช่หรือ กุมารลิจฉวีขัติย์ ก็รับอัตถะอออือ กะสิกชนกระทำคือ ประดุจคำพระอาจาย์ ก็เท่านั้นธเชิญให้ นิวัติในมิช้านาน ประสิทธิ์ศิล์ปประสาสน์สาร ตลอดเลิกลุเวลา อุรสลิจฉวีสรร พะชวนกันเสด็จมา และต่างซักกุมารรา ชะองค์นั้นจะเอาความ พระอาจารย์สิเรียกไป ณ ข้างใน ธ ไต่ถาม อะไรเธอเสนอตาม วจีสัตย์กะพวกเรา กุมารนั้นสนองสา ระวากย์วาทะตามเลา เฉลยกับพระครูเปา รุหิตย์โดยคดีมา กุมารอื่นก็สงสัย มิเชี่อในพระวาจา สหายราชธพรรณ์นา และต่างองค์ก็พาที ไฉนเลยพระครูเรา จะพูดเปล่าประโยชน์มี เลอะเหลวนักละล้วนนี ระผลเห็นบเปนไป เถอะถึงถ้าจะจริงแม้ ธกล่าวแท้ก็ทำไม สิชวนเข้า ณ ข้างใน จะถามนอกบยากเย็น ชรอยว่าทิชาจารย์ ธคิดอ่านกะท่านเปน รหัสเหตุประเภทเห็น ละแน่ชัดถนัดความ และท่านมามุสาวาท บกล้าอาจจะบอกตาม พจีจริงพยายาม ไถลแสรงแถลงสาร กุมารราชมิตร์ผอง ก็สอดคล้องและแคลงดาล พิโรธกาจวิวาทการ อุบัติขึ้นเพราะขัดเคือง พิพิธพันธะไมตรี ประดามีนิรันดร์เนือง กะองค์นั้นก็พลันเปลีอง มลายปลาศท์พินาศปลง มาณวก ฉันท์ ล่วงลุประมาณ กาลอนุกรม หนึ่ง ณ นิยม ท่านทวิชงค์ เมื่ออนุสิฏฐ์ วิทยะยง เชิญูวระองค์ เอกะกุมาร เธอจระตาม พราหมะณะไป โดยเฉพาะใน ห้องรหุฐาน จึ่งพฤฒิถาม ความพิศดาร ขอธประทาน โทษะและไข อย่าติคะรู หลู่พจะเลย ท่านสิเสวย ภัตต์กะอะไร ในทินะนี้ ดีฤไฉน พอหฤทัย ยิ่งละกระมัง ราชธก็เล่า เค้าณประโยค ตามบริโภค แล้วขณะหลัง วาทะประเทือง เรึ่องก็ประทัง อาคมะยัง สิกขะสภา เสร็จอนุสาสน์ ราชอุรส ลิจฉวิหมด ต่างธก็มา ถามนยะอัน ท่านวุฒิอา จาริยะปรา รพภะอะไร เธอก็แถลง แจ้งกิจะมวล ความตละล้วน จริงณหทัย ต่างก็มิเชื่อ เมื่อตริไฉน จึ่งผละใน เหตุบมิสม ขุ่นมนะเคือง เรื่องนฤสาร เช่นกะกุมาร ก่อนก็ระดม เลิกสละแยก แตกคณะกลม เกลียวบนิยม คบตุจะเดิม อุเปนทรวิเขียร ฉันท์ ทิชงค์เจาะจงเจตน์ กละห์เหตุยุยงเสริม กระหนำและซำเติม นฤพัทธะก่อการ ละครั้งระหว่างครา ทินะวาระนานนาน เหมาะท่าทิชาจารย์ ธก็เชิญเสด็จไป บห่อนจะมีสา ระฤหาประโยชน์ใด กระนั้นเสมอไน ยะธแสร้งเสาะสนถาม และบ้างก็พูดว่า น่ะแน่ะข้าสตับตาม ยุบลระบิลความ พจะแจ้งกระจายมา ลเมิตติเตียนท่าน ก็เพราะท่านสิแสนสา ระพัดทลิทท์ภา วะและสุดจะขัดสน จะแน่มิแน่เหลีอ มนะเชี่อเพราะยากยล ณที่บมีคน ธก็ควรขยายความ และบ้างก็กล่าวว่า น่ะแน่ะข้าจะขอถาม เพราะทราบคดีตาม วจะลือระบือมา ติฉินเยาะเย้ยท่าน ก็เพราะท่านสิแสนสา ระพรรณพิกลกา ยะพิลึกประหลาดเปน จะจริงมิจริงเหลีอ มนะเชื่อเพราะไป่เห็น ผิดข้อบลำเค็ญู จิตระควรขยายความ กุมาระองค์เสา วนะเค้าคดีตาม กระทู้พระครูถาม ธก็แสนจะสงสัย ก็คำบกอบการณ์ คะรุท่านจะถามไย ธซักเสาะสืบใคร ระบุแจ้งกะอาจารย์ ทวิชก็บอกว่า พระกุมาระโน้นขาน ยุบลกะข้ากาล เฉภาะอยู่กะกันสอง กุมารพระองค์นั้น ธมิทันจะตฤกตรอง ก็เชื่อณคำของ วุฒิครูและวู่วาม พิโรธกุมารอง คะเจาะจงพยายาม ยุครูเพราะเอาความ บมิดีประเดตน ก็พ้อและต่อว่า ทิฐิมานะเกิดจน ลุโทษะสืบสน ธิวิวาทเสมอมา และฝ่ายกุมารหมู่ ทิชะครูบเรียกหา ก็แหนงประดารา ชะกุมารทิชงค์เชิญ พระราชบุตร์ลิจ ฉวิมิตตจิตร์เมิน กะกันและกันเหิน คณะห่างก็ต่างถือ ทนงชนกตน วุฒิล้นประเสริฐลือ ก็หาญกระเหิมฮือ มนะฮึกบนึกขาม สัทรา ฉันท์ ลำดับนั้นวัสสการพราหมณ์ ธก็ยุศิษยะตาม เล่ห์อุบายงาม ฉงนงำ ปวงโอรสลิจฉวีตำ ริหะวิรธะและสำ คัญประดุจคำ ธเสกสัน ไป่เหลือเลยสักพระองค์อัน มิละปิยะสหฉันท์ ขาดสมรรคพันธ์ ก็อาดูร ต่างองค์นำความมิงามทูล พระชนกะอดิศูริย์ แห่งธโดยมูล ปวัตติ์ความ แตกร้าวกร้าวร้ายก็ป้ายปาม ลุวระบิตระลาม ทีละน้อยตาม ณเหตุผล ที่เชื่อฟังพจน์อุรสตน นฤวิเคราะหะเสาะสน สืบจะหมองมล เพราะฉันใด แลทั้งท่านวัสสการใน ขณะยละจะเหมาะไฉน เสริมเสมอไป สดวกดาย หลายอย่างต่างกลธขวนขวาย ระบิละยุปริยา วัญูจโนบาย บเว้นครา ครั้นล่วงสามปีประมาณมา คณขัติยะประดา ลิจฉวีรา ชะทั้งหลาย สามัคคีธัมมะทำลาย มิตระภิทนะกระจาย สรรพะเสื่อมหายน์ ก็เปนไป ต่างองค์ทรงแคลงระแวงใน พระหฤทยะนิสัย ผู้พิโรธใจ ระวังกัน สาลินี ฉันท์ พราหมณ์ครูรู้สังเกต ประจักษ์เหตุตระหนักครัน ราชาวัชชีสรร พะจักสู่พินาศสม ยินดีบัดนี้กิจ จะสัมฤทธิ์มนารมณ์ ทำมาด้วยปรากรม และอุตสาหะแห่งตน ให้ลองตีกลองนัด ประชุมขัตติ์ยมณฑล เชิญูซึ่งส่ำสากล กษัตริย์สู่สภาคาร วัชชีภูมีผอง สดับกลองกระหึมขาน ทุกไท้ไป่เอาภาร ณกิจเพื่อเสด็จไป ต่างทรงรับสั่งว่า จะเรียกหาประชุมไย เราใช่เปนใหญู่ใจ ก็ขลาดกลัวบกล้าหาญ ท่านใดที่เปนใหญ่ และกล้าใครบเปรียบปาน พอใจใครในการ ประชุมชอบก็เชิญเขา ปฤกษาหาฤๅกัน ไฉนนั้นก็ทำเนา จักเรียกชุมนุมเรา บแลเห็นประโยชน์เลย รับสั่งผลักไสส่ง และทุกองค์ธเพิกเฉย ไป่ได้ไปดั่งเคย สมรรคเข้าสมาคม อุปัฏฐิตา ฉันท์ เห็นเชิงพิเคราะห์ช่อง ชนะคล่องประสบสม พราหมณ์เวทะอุดม ธก็ลอบแถลงการณ์ ให้วัลลภะชน คมะดลประเทศฐาน กราบทูลนฤบาล อภิเผ้ามคธไกร แจ้งลักษณะสา สนะว่ากระษัตริย์ใน วัชชีบุระไก วละหล้าตลอดกัน บัดนี้สิก็แตก คณะแผกและแยกพรรค์ ไป่เปนสหะฉัน ทะเสมือนเสมอมา โอกาศเหมาะสมัย ขณะไหนประดุจครา นี้แล้วก็ยากหา จะลุได้สดวกดี ขอเชิญวระบาท พยุห์ยาตร์เสด็จกรี ฑาทัพพละพี ริยะยุทธะโดยไว สุรางคณางค์ บพิตร์อชา ตะสัตตรา ชะรัฏฐะไกร สดับณสาสน์ พระราชหทัย ธปรีดิใด บเปรียบบปาน พระเผยประภาษ กะมุขอมาตย์ บดีประธาน ตระเตรียมสกล พหลทหาร สมรรถะชาญ ประดังประตา สพรึบสพรั่ง ณหน้าและหลัง ณซ้ายและขวา ละหมู่ละหมวด ก็ตรวจก็ตรา ประมวญกะมา ก็มากประมาณ นิกายเสบียง ก็พอก็เพียง พโลปการ และสัตถะภัณ ฑะสรรพะภาร จะยุทธะราญ กะเรียกระดม ประชุมพยูห์ กระเกริกกระกรู กระหยิ่มนิยม ละล้วนสง่า มนาภิรมย์ บขามระทม มิท้อริปู สมานสมัคคิ์ ระเริงและรัก จะรบศัตรู ฉลองพระคุณ พระจุฬภูว์ พิไชยะชู พระเกียรดิ์ไผท จะดีจะงาม เพราะเข้าสนาม ประยุทธะไกร เหมาะนามทหาร ละคร้านไฉน และสมกะใจ บุรุษสมัญญู์ ก็โห่และฮึก ประหัฏฐ์คะคึก ประกวดประชัน ณ ท้องพระลาน ประมาณอนันต์ อเนกะสรร พะเตรียมคระไล โคฏก ฉันท ประลุฤกษะมหุดิ์ ทินะอุตตมะ้ไกร รณรงคะวิไช ยะดิถีศภะยาม ทิชะพฤฒิปุโร หิตโกวิทะพราหมณ์ ก็ประกอบกิจะตาม นิติไสยยะพิธี ทนุเพึ่ออภิมง คละสงเคราะห์ทวี ศิริวัฑฒนะกรี ฑะเผด็จดัษกร บุรพัณหะสมัย ลุอุทัยระวิวร นฤนารถอดิศร ธเสด็จสระสนาน วรองค์อภิมัณฑ์ ศุภะสรรพะประการ ดุจะขัตติย์บุราณ รณะยุทธะนิยม พระเสด็จรัฐะยา บทะคลาอนุกรม ฐิตะเกยชยะชม พละพฤนทะนิกร ฉบงง เนมิตต์เชษฐวิทยุตดร รอพอบวร มหุติ์อุดมดีดล ให้ฆาฏฆ้องไชยมงคล คำรบสามหน เฉลิมพระฤกษ์เบิกธง ทุ่มอินทรเภรีเร่งคง คาบลาล้วนลง มะโหระทึกคฤกโครม ดุริยางค์ดนตรีนี่ประโคม สังข์แตรแซ่โหม กระหึมสนั่นบรรสาน ราชามาคธภูมิบาล เถลิงหลังคชาธาร ประเสริฐสง่างามทรง ควรขัตติยยานยรรยง เพียงพาหนาศน์องค์ สหัสสนัยน์ใดปาน ครบเต็มเครื่องตั้งหลังสาร กูบแพรแลลาน ละล้วนบรรเจิดเฉิดฉัน โอภาษอาภรณ์อรรคภัณฑ์ คชลักษณ์ปิลันทน์ ก็เลิศก็ล้ำลำยอง แพร้ว ๆ พราย ๆ ข่ายกรอง ก่องสกาวดาวทอง และพู่สุพรรณสรรถกล สองพลุกสุกวะลัยเลอยล ลาดพัตถ์รัตคน และปกขนองซองหาง งวงเสยเงยเศียรส่ายพลาง เทอดทันต์ท่าทาง สง่าบล้ากำลัง ขุนคอคชคุมกุมอัง กุษกรายท้ายยัง ขุนควาญประจำดำรี เครื่องสูงครบสรรพ์อันมี ตามบุรพประเพณี พยุหบาตรยาตรา จาตุรังคิกะแสนเสนา เนึ่องสุดสายตา ตลอดตลึงแลลาน ขุนคชขึ้นคชชินชาญ คุมพลคชสาร ละตัวกำแหงแขงขัน เคยเศิกเข้าศึกฮึกครัน เสียงเพรียกเรียกมัน คำรนประดุจเดือดดาล อร่ามเรืองต้วยเครื่องอลังการ นายขอหมอควาญ ก็ขี่กะรีดำเนิน พลหัยพิศเห็นเช่นเหิน หาวเหาะเหยาะเดิน เดาะเตือนก็เต้นตีนซรอย ต่างตัวดีดโลดโดดลอย เลิงเล่นแผ่นคอย จะควบประกวดอวดพล สีกายฝ้ายแซมแกมขน ดำบ้างด่างปน กระเลียวและเหลืองแดงพรรณ โสภาอัศวากรณ์สรรพ์ ตาบหน้าพร่าวรร ณะเด่นดำกลกาญจน์มณี ยาบย้ายห้อยพู่ดูดี ขลุมสวมกรวมศี ศะคาดกนกแนมเกลา สายถือสายง่องถ่องเพรา คล้องสอดสายเหา งามทั้งพะนังโกลนอาน ขุนอัศว์อาตม์โอ่โอหาร รำทวนเทอดปาน ประหนึ่งจะโถมโจมแทง ต่างขับแสะขี่เข้มแขง ควงแส้สำแดง ดุรงค์วิธีโรมรณ ดาษดาคลาคล่ำส่ำพล บทจรอนนต์ อเนกคแนนคัณนา ปลุกเศกเลขยันต์ว่านยา อาคมคาถา ประสิทธิขลังทั้งกาย เสื้อผ้าสารพัดจัดหลาย หมู่หมวดมากมาย ก็มละอย่างต่างกัน แรงหัตถ์กวัดแกว่งซึ่งสรรพ์ ศัสตราวุธอัน วะวาบวะวาวขาวคม พลรถแหล่ล้วนควรชม แอกงอนอ่อนสม สง่าประกอบดุมกง เล็งสูงลิ่วสวยชวยธง ชายโบกชวนบง สบัดระริ้วปลิวปลาย ปีนไฟใส่ล้อเลื่อนราย หามลากมากหลาย และลูกกระสุนดินดำ พร้อมสรรพกองทัพโดยลำ ดับล้วนควรยำ ระย่อสยองเยงยล เคลื่อนคลายพลนิกายสกล เต็มสองฟากสถล อุโฆษผสานศัพท์ฟัง เสียงสารแสะร้องก้องดัง เสียงโกลนเตือนพะนัง และเสียงพยู่ห์โยธี เสียงแซ่สังคีตตีตสี พาทย์กลองฆ้องตี สิกัมปนาทหวาดไหว ผงคลีมืดคลุ้มกลุ้มไป ปานพี้นแผ่นไผท ทำลายถล่มจมเอียง ออกจากราชคฤห์เขตร์เวียง มุ่งแคว้นแดนเชียง วัชชีประชิดชิงไชย กมล ฉันท์ อนุมัคคะกรีฑา พละคลาคะคล่ำไป ณระหว่างวนาลัย ละเลาะทุ่งและนาเนิน อนุจรสิขรเขา บถะเต้าวิถีเถิน ระยะทางสไกลเกิน ก็คะค้อยคระ้ไลคลา ผิวะกาละมัชฌัน ติกะอันระวีสา หัศะร้อนและอ่อนกา ยะสกนธ์พหลหาญ ก็มิรีบมิรัดเอื้อ ทนุเพื่อสบายบาน พละปรีดิสำราญ ศุขะพอก็ต่อไป สุริยงคะสายัณห์ ผิจะดั้นจะเดินใน พนะยากก็อาศรัย นิทระแรมระวังกัน บุรพัณหะเพลา ลุก็คลาก็ขับสัญ จระต่อวนารัญ ญปถานุกรมไป เพราะประสงค์จะปลุกกล้า อุปการะเอาใจ บ ระอิดระอาใด ขณะเมี่อมิจำเปน กิจะสรรพะทั้งหลาย มนะนายตระหนักเห็น อุระใพร่จะลำเค็ญ และจะควรวินุทไฉน ก็จะมีกะใจภัก ดิสมรรคและชิงไชย อริหมู่ริปูใน รณะภูมิเต็มพล จระโดยวนันดร และระรอนระแรมจน ลุกระทั่งนทีดล ดิระดิตถะขอบคัน ธุระจำจะต้องข้าม ชละยาตร์พยู่ห์ขันธ์ พละไกรคระไลบรร สุวิสาลิธานี วิชชุมมาฎา ฉันท์ ข่าวเศิกเอิกอึง ทราบถึงบัดดล ในหมู่ผู้คน ชาวเวสาลี แทบทุกถิ่นหมด ชนบทบูรี อกสั่นขวัญหนี หวาดกลัวทั่วไป ตื่นตาหน้าเผือด หมดเลีอดสั่นกาย หลบลี้หนีตาย วุ่นหวั่นพรั่นใจ ซุกครอกซอกครัว ซ่อนตัวแตกไภย เข้าดงพงไพร ทิ้งย่านบ้านตน เหลือจักห้ามปราม ชาวคามล่าลาศน์ พันหัวหน้าราษฎร์ ขุนด่านดำบล หาฤๅแก่กัน คิดผันผ่อนปรน จักไม่ให้พล มาคธข้ามมา จึ่งให้ตีกลอง ป่าวร้องทันที แจ้งข่าวไพรี รุกเบียฬบีฑา เพื่อหมู่ภูมี วัชชีอาณา ชุมนุมบัญูชา ป้องกันฉันใด ราชาลิจฉวี ไป่มีสักองค์ ที่ทรงจำนง เพื่อจักเสด็จไป ต่างองค์ดำรัส เรียกนัดทำไม ใครเปนใหญ่ใคร กล้าหาญเห็นดี เชิญเทอญท่านต้อง ขัดข้องข้อไหน ปฤกษาปราไส ตามเรี่องตามที แต่ส่วนเราใช่ เปนใหญ่แลมี ใจอย่างผู้ภี รุกห่อนอาจหาญ ต่างทรงสำแดง ความแขงอำนาจ สามัคคีขาด แก่งแย่งโดยมาน ภูมิศร์ลิจฉวี วัชชีรัฏฐบาล ไป่ชุมนุมสมาน แม้แต่สักองค์ อินทรวิเขียร ฉันท์ ปิ่นเขตร์มคธขัต ติยะรัชชธำรง ยั้งทัพประทับตรง นคเรศวิสาล ภูธรธสังเกต พิเคราะห์เหตุณธานี แห่งราชะวัชชี ขณะเศิกประชิดแดน ดูดั่งบรู้ศึก และมินึกจะเกรงแกลน ฤๅคิดจะตอบแทน รณะเพึ่อระงับไภย นิ่งเงียบสงบงำ บมิทำประการใด ปรากฎประหนึ่งใน บุระว่างและร้างคน แน่โดยมิพักสง สยะคงกระทบกล ท่านวัสสการจน ลุกระนี้ประจักษ์ตา ภินท์พัทธะสามัค คิยะพรรคพระราชา ชาวลิจฉวีวา ระจะพ้องอนัตถ์ไภย ลูกข่างประดาทา รกะกาละขว้างไป หมุนเล่นสนุกไฉน ดุจะกันฉนั้นหนอ คูรวัสสการเเส่ กละแหย่ยุดีพอ ปั่นป่วนบเหลือหลอ จะมิร้าวมิรานกัน ครั้นทรงพระปรารพภ์ กิจะจบธจึ่งบัญ ชานายนิกายสรร พะทแกล้วทหารหาญู เร่งทำอุลุมป์เว ฬุคเนกะเกณฑ์การ เพื่อข้ามนทีธาร จระเข้านครบร เขารับพระบัณฑูร อดิศูริย์บดีศร ภาโรปกรณ์ตอน ทิวะรุ่งสฤทธิ์พลัน จอมนารถพระยาตรา พยุหาธิทัพขันธ์ โดยแพและพ่วงปัน พละข้ามณคงคา จนหมดพหลเนือง ยละเนืองขนัดคลา ขึ้นฝั่งลุเวสา ลิบุเรศสดวกดาย จิตรปทา ฉันท์ นาคะระธา นิวิสาลี เห็นริปุมี พละมากมาย ข้ามติระชล ก็ลุพ้นหมาย มุ่งจะทลาย พระนครตน ต่างก็ตระหนก มนะอกเต้น ตื่นบมิเว้น ตละผู้คน ทวบุระคา มะจลาจล เสียงอลวน อลเวงไป สรรพะสกล มุขะมนตรี ตรอมจิตระภี รุกะเภทไภย บางคณะอา ทระปราไส ยังมิกระไร ขณะนี้หนอ ควรบริบาล พระทวารมั่น ต้านประทะกัน อริก่อนพอ ขัตติยะรา ชะสภารอ ดำริหะขอ วระโองการ ทรงตริไฉน ก็จะได้ทำ ตามนยะดำ รัสะภูบาล เสวกะผอง ก็เคาะกลองขาน อาณติปาน ดุจะกลองพัง ศัพทะอุโฆษ ลุพระโสตร์ท้าว ลิจฉวิด้าว ขณะทรงฟัง ต่างธก็เฉย และละเลยตัง ไท้นฤกัง วละอย่างไร ต่างบมิคลา ณสภาคาร แม้พระทวาร บุระทั่วไป รอบทิศะด้าน และทวารไหน ห่อนนระใด ธุระปิดมี สัททัลวิกีฬิต ฉันท์ จอมทัพมาคธะราษฐ์ธยาตร์พยุหะกรี ฑาสู่วิสาลี นคร โดยทางอันพระทวาระเปิดนระนิกร ไป่รอจะต่อรอน อะไร เบื้องนั้นท่านคะรุวัสสการทิชะก็ไป นำทัพชเนนทร์ไท มคธ เข้าปราบลิจฉวิขัติย์ณรัฏฐะชนบท สู่เงื้อมพระหัตถ์หมด และโดย ไป่พักต้องจะกะเกณฑ์นิกายพหละโรย แรงเปลืองระดมโปรย ประยุทธ์ ราบคาบเสร็จธเสด็จลุราชะคฤหะอุต ดมเขตร์บุเรศดุจ ะเดิม ตามเรื่องต้นยุติแต่จะต่อพจนะเติม ภาษิตระจิตร์เสริม ประสงค์ ปรุงโสตร์เปนคติสุนทราภรณะจง จับข้อประโยชน์ตรง ตริดู อินทรวิเชียร ฉันท์ อั นภูบดีรา ชะอชาตะศัตรู ดลิจฉวีภู วะประเทศสดวกดี แลสรรพะบรรตา วระราชะวัชชี ถึงซึ่งพิบัตบี ฑะอนัตถ์พินาศหนา เหี้ยมนั้นเพราะผันแผก คณะแตกและต่างมา ถือทิฏฐิมานสา หศะโทษพิโรธจอง แยกพรรคสมรรคภิน ทนะสิ้น บ ปรองดอง ขาดญาณพิจารณ์ตรอง ตริมะลักประจักษ์เจือ เชื่ออรรถยุบลเอา รสะเล่าก็ง่ายเหลีอ มากโมหะฟั่นเฝีอ บมิฟอกคดีมูล จึ่งตาลประการหา ยนะภาวะอาดูร เสียแดนผไทสูญ กิติศัพทะเสื่อมนาม ควรชมนิยมจัด คะรุวัสสการพราหมญ์ เปนเอกอุบายงาม กละงำกระทำมา พุทธาทิบัณฑิต ยละคิดพินิจปรา รพภ์สรรเสริญสา ธุสมัคคภาพผล ว่าอาจจะอวยผา ศุกะภาวะมาดล ดีสู่ณหมู่ตน บนิราศนิรันดร หมู่ใดผิสามัค คิยะพรรคสโมสร ไปปราศนิราศรอน คุณะไร้ไฉนดล พร้อมเพรียงประเสริฐครัน เพราะฉนั้นแหละบุคคล ผู้หวังเจริญูตน กิจะเกี่ยวกะหมู่เขา พึงหมายสมัคคิ์เปน มุขะเปนประธานเอา ธูรทั่วและตัวเรา บมิเห็น ณ ฝ่ายเดียว ควรยกประโยชน์ยื่น นระอื่นก็แลเหลียว ดูบ้างและกลมเกลียว มิตระภาพผดุงครอง ยั้งทิฏฐิมานหย่อน ทมะผ่อนผจงจอง อารีมิมีหมอง มนะเมี่อจะทำใด ลาภผลสกลบรร ลุก็ปันก็แบ่งไป ตามน้อยและมากใจ ยุติเที่ยงนิยมธรรม์ พึงมาระยาตร์ยึด สุประพฤติ์สงวนพรรค์ รื้อฤษยาอัน อุปเฉทะไมตรี ดั่งนั้นณหมู่โด ผิบไร้สมัคคิ์มี พร้อมเพรียงนิวัทธ์นี ระวิวาทระแวงกัน หวังเทอญมิต้องสง สยะคงประสบพลัน ซึ่งศุขกเษมสันต์ หิตะกอบทวีการ ใครเล่าจะสามารถ จิตระอาจจะรานหาญ หักล้างบแหลกลาญ ก็เพราะพร้อมเพราะเพรียงกัน ป่วยกล่าวอะไรฝูง นระสูงประเสริฐครัน ฤๅสรรพะสัตว์อัน เฉภาะมีชิวีครอง แม้มากผิกิ่งไม้ ผิวะใครจะใคร่ลอง มัตกำกระนั้นปอง พละหักก็เต็มทน เหล่าไหนผิไมตรี นฤมีณหมู่ตน การ ใดจะขวายขวน บมิพร้อมมิเพรียงกัน อย่าปราถนาหวัง ศุขะทั้งเจริญอัน จักมาอุบัติบรร ลุไฉนบได้มี ปวงทุกข์พิบัติสรร พะภยันตรายกลี แม้ไป่นิยมปี ติประสงค์ก็คงสม ควรชนประชุมเปน คณะเปนสมาคม สามัคคิปรารม ภะนิพัทธคำนึง ไป่มีก็้ไห้มี ผิวะมีก็จงพึง ให้ยิ่งภิโยจึง จะประสบศุขาลัย ฉบงง พร่ำพรรณน์ฉันทพากย์โดยโจ เพียรจบตามนัย นิทานบุราณเปนมูล นามสฤษดิ์ นายชิต ชวางกูร เชลงเฉลาเอาธูร สลัดอาลัสย์อันมี ไว้ปากไว้วากย์วาที ไว้วงศ์กระวี ไว้เกียรติ์และไว้นามกร ไว้เฉลิมเสริมศรีพระนคร คือพิทยาภรณ์ พิเศษประดับดูงาม ค่อยคิดติดต่อโดยความ มิคลายพยายาม กระวีผิเพ่งเล็งเห็น ฉันทภาคยากล้ำลำเค็ญ ถ้อยคำจำเป็น เพราะศัพท์บังคับหนักเบา พึงอภัยข้าผู้วัยเยาว์ วิทย์หย่อนอ่อนเชาวน์ มิใช่จะคิดแข่งขัน อาศรัยใจชอบเชิงประพันธ์ กิจอื่นว่างครัน ก็เครื่องจะเปลืองเวลา จำเนียรแต่เพียรอุตสา หะพจน์พรรณนา สฤทธิ์ด้วยจิตร์จงพลัน ฝากไว้ในน่าแห่งบรรณ เพื่อเชื้อเชิญสรรพ์ สุภาพมหาชนชม สถิตย์เสถียรเทียรฆ์กาละนิยม ถ้อยเสริญเทอญสม ประสาทะพรพาจา ขอจุ่งอิฏฐผลนานา ลุดั่งปราถนา ณผู้พิจารณ์อ่านฟัง ฯ กกุฏวาณิชคำโคลง แถลงเลศนิเทศพร้อง เพรงนิทาน ชาดกโดยดำนาน เนติ์นี้ เปนศุภคติสาส์น เชิญสดับ ปรุงสติปัญญาชี้ เชิดข้อคุณไข สมัยกาลอดีตท้าว พรหมทัตต์ ครองพระราชสมบัติ ผ่านหล้า พาราณสีรัฏฐ์ นคเรศ ใหญ่แฮ ปกเกษปวงไพร่ฟ้า เฟื่องแคว้นแดนดิน ชินพงศ์สรรเพ็ชญ์สร้อย โพธิสัตว์ ปางพระองค์อุปบัติ บุตร์ผู้ พาณิชตระกูลปัฏิ สนธิ์ชาติ์ พระนา นามว่าบัณฑิตรู้ รอบค้าการขาย มีสหายหนึ่งนั้น นามสฤษดิ์ เรียกอติบัณฑิต เพี่อนได้ เปนผู้ร่วมพาณิช การกับ ท่านแล ร่วมทุกข์ร่วมยากไร้ ร่วมทั้งทางไกล เคยไปเปนเพื่อนค้า ขายภัณฑ์ ผองแฮ ต่างรักโดยสมัคฉันท์ ชอบเชี้อ กำไรแบ่งปันกัน ตามมาก น้อยนา กอบกิจวาณิชเกื้อ ปโยชน์เลี้ยงชีวา เปนมาอย่างนี้นิจ นิรัน ตรนอ พาณิชอติบัณ ฑิตนั้น นิสัยใฝ่อาธรรม์ ฤๅเที่ยง ตรงเลย ดั้งแต่คิดคาดคั้น คดแท้คอยที่ มีทางโกงแล้วก็ โกงที เดียวแล ยังมิเหมาะช่องตี สนิทไว้ โพธิสัตว์ทราบคดี โดยผ่อน ปรนนา จึงคบเพื่อนมาได้ ยืดด้วยปัญญา พาราณสิกผู้ สองพา ณิชแล เตรียมล่ำสินค้าสา รพัดซื้อ มากเล่มนับคณนา ในหมู่ เกวียนแฮ บรรทุกเทียบเพียบอื้อ อีกทั้งเสบียงทาง สองต่างพาพวกแคล้ว คลาเกวียน ออกนา สู่เทศเขตร์พาเหียร ห่างคร้าน มุ่งไปไป่จำเนียร จำหน่าย หมดนอ รวมทรัพย์เสร็จกลับบ้าน บ่ายหน้ามาถึง จึงแบ่งทุนต้นกับ กำไร กันแฮ อติบัณฑิตใจ เจตน์จ้อง หมายเอาเปรียบเกินไป ปลงโลภ เหลือแฮ เห็นท่าไป่ขัดข้อง คาดได้โดยคนึง รำพึงเพี่อแย้งส่วน เอาสอง ให้เพื่อนภาคหนึ่งมอง มั่นได้ ต้านพูดอย่างคำของ คนโหด พายเฮย ทรัพย์นี่สองส่วนให้ แก่ข้าจึงควร ส่วนเดียวของท่านแท้ ถูกธรรม์ นักนอ ท่านเชื่อบัณฑิตสมัญญ์ เรียกร้อง นามเราอติบัณ ฑิตเหตุ นั้นนา สองส่วนทรัพย์จำต้อง ตกข้าควรการณ์ หน่อพิชิตมารตอบถ้อย ทันใด เออเพื่อนพูดอะไร เช่นนั้น ธรรมเนียมที่ไหนใคร บัญญติ ไว้พ่อ จึ่งเกี่ยงลำเอียงชั้น ชึ่อฉนี้มีฤๅ ทุนหรีอสิ้นค้าแหละ พาหนะ ก็ดี ของท่านกับเราจะ มากน้อย เท่ากันก็ควรกะ ปันกึ่ง กันแล ท่านแบ่งเอาสองข้อย หนึ่งไต้เยียโต ทำไมไม่ถูกต้อง พูดตาม เหตุนา เพราะว่าสมญานาม ท่านนั้น เรียกบัณฑิตโดยความ หมายขีด คั่นฤๅ เปนชื่อสามัญนั้น ต่ำทั้งยังเยาว์ ฝ่ายเรามีชื่อตั้ง อติบัณ ฑิตพ่อ ดีกว่าท่านยืนยัน อย่างนี้ ความยิ่งและหย่อนมัน มีอยู่ สองส่วนควรเราชี้ ชื่อนั้นเปนประมาณ เปนการขันท่านจ้อ เจรจา ดีฤๅ พูดง่ายฟังยากหนา เยี่ยงนี้ คนทั้งโลกเขาหา เห็นชอบ ด้วยเลย แบบอย่างใครแต่กี้ ก่อนนั้นมีไฉน อันวิสัยชื่อสิ้น สมมติ หมายนา สูงต่ำจักกำหนด ไม่ได้ อาศรัยเพี่อความจด จำเรียก กันแล ใช่เหตุสำคัญให้ ยกขึ้นมาแสดง สองต่างแย้งต่างโต้ ตอบความ สองไป่ตกลงตาม ต่อสู้ สองเกิตทุ่มเถียงลาม ถึงเทลาะ แล้วนา สองแตกกันเหตุผู้ หนึ่งนั้นอาธรรม์ เปนอันรำงับถ้อย ไปที หนึ่งนา สองต่างธุระมี เมี่อแล้ว จักหาท่านผู้ปรี ชาตัด สินแฮ อติบัณฑิตแคล้ว คลาศเข้าเรีอนตน กังวลหวังเพื่อได้ ดังหมาย ตรองตรึกนึกเล่ห์หลาย ลึกล้ำ เห็นช่องคล่องอุบาย บทหนึ่ง แน่จิตร์สมคิดก้ำ เก่งแท้ทางโกง คุยโผงพูดเพ้อกับ ตัวเอง ชิชะช่างเหมาะเหมง คิดแก้ คงชนะจะเกรง กลัวกริ่ง ใดฤๅ บัณฑิตเพี่อนจักแพ้ เพึ่อด้วยเชาวน์เรา เข้าไปหาแล้วบอก บิดา ตนนา ทรัพย์ใหญู่จักมีมา แม่นแท้ ได้โดยสดวกหา เห็นง่าย จริงเฮย หากพ่อช่วยด้วยแล้ ลาภนั้นพลันสม คนนิยมพฤกษ์ใหญ่โน้น นักหนา ถีอว่าศักดิ์สิทธิ์ปรา กฎทั้ง มีรุกขเทพดา สิงสถิตย์ ชนนบเคารพตั้ง แต่เบี้องเบาราณ พฤกษ์สถานโน้นแหละ โพรงมี ใหญ่แฮ ปกปิดมิดชิดดี ดั่งนั้น พ่อจงซ่อนทำที เหมือนเทพย์ รุกข์เทอญ คอยอยู่ที่นั่นครั้น พวกข้ามาถึง จึงจักขอให้พ่อ พินิจฉัย ความแบ่งแห่งกำไร เรื่องนี้ ควรได้แก่ผู้ใด โดยส่วน ไฉนนา แลพ่อก็จงชี้ ชัดพร้องไปพลัน ใครนามบัณฑิตได้ ส่วนปัน หนึ่งเฮย คนชี่ออติบัณ ฑิตแล้ ได้สองภาคโดยธรรม์ ทางที่ ถูกพ่อ พูดดั่งข้าสั่งแก้ เกี่ยงแย้งคงยอม ด้วยความน้อมเทพย์ท้อ เทวทัณฑ์ บัณฑิตจำเปนปัน ส่วนได้ เปนสองเสร็จเพราะวัญ จนะวากย์ แห่งพ่อ ซ้อมสั่งกำชับไห้ ทราบสิ้นทุกประการ มาบ้านบัณฑิตผู้ โพธิสัตว์ พลันบอกความตามนัด พ่อไว้ แน่ะท่านเรื่องเราขัด ใจแห่ง กันแฮ ต่างไม่ตกลงได้ ดังนั้นฤๅควร จะมาชวนท่านให้ ไปหา พฤกษเทพยดา หนึ่งผู้ ศักดิ์สิทธิ์เดชสา มารถบอก แบ่งแฮ นั่นแหละเราจักรู้ เรี่องนั้นเปนไฉน เปนไรไปเล่าถ้า ยุติธรรม จริงแล เราก็ต้องตามคำ ไป่ค้าน จะสงบวิวาทสำ เร็จเรื่อย ไปนา ความยุ่งเปนอย่างคร้าน ใคร่เปลื้องเร็วพลัน บัณฑิตพลางกล่าวแล้ว ครรไล แต่จิตร์คิดสงสัย ไม่สิ้น พะวงเพื่อนคงใจ คิดจัก โกงนอ ดีก็ดีหากปลิ้น ปลอกร้ายฤๅยอม สองพร้อมสู่ต้นพฤกษ์ ไพรสถาน ต่างก็นอบกายกราน กราบไหว้ กล่าวมูลคดีการณ์ กลหะ ขึ้นแฮ ขอจุ่งรุกขเทพย์ไท้ ท่านเกี้อกรุณา เทวดาปลอมผู้พ่อ พาณิช โกงนา ทำปรกติศัพท์ผิด แผกถ้อย สองเจ้านี่ขัดจิตร์ แตกจาก กันนอ ด้วยเหตุนิตหนึ่งน้อย เท่านั้นอันมี เพียงนี้ก็เดีอตร้อน ถึ่งเรา ด้วยฤๅ เจ้านับถีอมาเคา รพข้า เถอะจะช่วยแบ่งเบา ธุระแห่ง สูเฮย ตามกิจเทวตาฮ้า แน่ะแฮ้จงฟัง ทั้งโลกหากขึ้นชื่อ เทวดา แล้วแฮ อันจะเที่ยงตรงหา ยากแท้ ผู้เตียวแต่ข้าอา ธรรม์ไม่ มีเลย ฟังตัตสินจักแก้ กล่าวให้เห็นจริง ความยิ่งแลหย่อนแล้ว เปนหลัก นาพ่อ ชื่อต่ำต่ำตามศักดิ์ เลื่อมแล้ ชื่อสูงผิวะสูงหนัก นามประ เสริฐเฮย ด้วยเหตุผลดั่งแก้ กฎอ้างวางมี ชีขาดพิพากษ์ข้าง อติบัณ ฑิตแล ได้ส่วนสองเถียงกัน ไม่ได้ เทวดาโกรธลงทัณฑ์ คอหัก เทียวแฮ ไปเถิดไปแบ่งให้ เสร็จสิ้นกันที หน่อชินสีห์สดับถ้อย เทวรุกข์ วินิจฉัยใช่ยุกติ์ อย่างนั้น ดำริห์ตริจักอุก อาจเล่น ลองนา เพื่อทราบอัฏภาพนั้น ไฝ่รู้ความจริง เทพย์สิงพฤกษ์นี่แท้ เทวดา แน่ฤๅ ฤๅมิาช่คงปรา กฎแจ้ง โพรงไม้ใหญ่นักหนา มนุษย์อยู่ ได้แฮ เผื่อจะมีใครแสร้ง ซ่อนเร้น ปนกล ขวนขวายหญ้าแห้งหอบ หามา กอบเพียบโพรงพฤกษา เสร็จต้อง เอาไฟไล่เทวตา ดูฤทธิ์ ทีฤๅ ธกล่าวพลางจ่อจ้อง จุดเชี้อเพลิงพลัน ทันใดไฟติดหญ้า ควันโขมง ลามลุกเปลวเพลิงโพลง พลุ่งไหม้ ฝ่ายเทวดาโกง ตโกนเอ็ด เหนี่ยวลอดตามโพรงไหม้ ไต่ขึ้นทางบน โหนตนต่องแต่งห้อย หันหก ตัวสั่นดุจลูกนก สติสิ้น ปีนไปป่ายมาตก ตูมใหญ่ ลงที่ดินนอนดิ้น แต่วร้องครรางเครือ ร้อนเหลีอทนละข้า ขอขมาเถิดพ่อ ไม่อยากเปนเทวดา ดั่งนี้ รับบาปอย่างหยาบหา คุณห่อน มีเลย เพราะลูกอัปปรีปย์ลี้ ปลีกแท้ทำกู พาณิชผู้โฉดเจ้า อติบัณ ฑิตนา นั่งเจ่งกอตเข่ารัน ทดแท้ สังเวชพ่อสุดปัญ ญาผ่อน ผันแฮ ทุจริตจะคิตแก้ ก็สิ้นโกงกล เทพย์ทนร้อนไม่ได้ พลางแสดง โทษแห่งโกงร้ายแรง อย่างนี้ ทำเราที่มาแฝง กายช่วย โกงนอ พลอยถูกไฟป่นปี้ ปวดเนื้อหนังพอง สองคนคนชื่อตั้ง บัณฑิต ยังประโยชน์ฤทธิ์ เรียบร้อย ประกอบสุจริตจิตร์ ตรงต่อ เพื่อนแล บ่หอนผิดสักน้อย หนึ่งแท้โดยธรรม์ อติบัณฑิตผู้ บุตร์เรา ดีชื่อสูงกว่าเขา เท่านั้น คอยคิดคตโกงเอา เปรียบเพี่อน หาประเสริฐแม้ชั้น แต่น้อยฤๅมี พาทีกันแล้วต่าง กลับไป บ้านแฮ เสร็จกิจพาณิชชไม มิตร์ครั้น ตกลงแบ่งกำไร คนละ ครึ่งแล กาลนับลำดับนั้น แยกค้าคลาขาย ตามสบายยังชีพให้ เปนไป ทนทุกข์ระคนใน ศุขบ้าง โดยธรรมะดาวิสัย ภพชาติ์ สุดแต่กรรมนำสร้าง ส่งเอื้ออวยผล ฯ อันคนทุจริตแล้ว พึงเล็ง เห็นเทอญ อวดฉลาดแกมโกงเก็ง แต่ได้ ไม่ลองชั่งตราเต็ง กับฝ่าย เสียเลย ไหนจะหนักจักให้ โทษร้อนถึงตน เห็นคนอื่นไป่รู้ อะไร เที่ยวพ่อ โง่เง่าเต่าตุ่นไป เช่นนั้น ว่าทราบไม่ถึงใน กลเล่ห์ ตนแล คอยแต่จักขบคั้น เข่นเขี้ยวโกงเขา เหมาชาติ์เสียก็ได้ คนพรรค์ นั้นนอ ไป่ละประพฤติ์วัน หนึ่งแล้ ความทุกข์ขุกเข็ญภยัน ตรายเยี่ยม เยียนนา มิพักสนเท่ห์แท้ ชนิดนี้มีหลาย หมายเชื้อมั่นเถิดด้วย ธรรมดา ควันแห่งไฟใครมา ปิดไว้ ต้องปรากฎแก่ตา โลกสัก วันนอ ชาดกสาธกไว้ สดับแล้วควรคนึง บารนี ฯลฯ